กรณีวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา นพ.ทวี อธิบายว่า ไทยได้นำเสนอโรงงานผลิตยาหลายโรงงานให้กับทางบริษัทแอสตราเซเนกาพิจารณา และไม่ได้มีประเทศไทยนำเสนอเพียงประเทศเดียว แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่นำเสนอโรงงานผลิตยาให้แอสตราเซเนกาพิจารณา และผลสุดท้ายทางบริษัทแอสตราเซเนกาได้เลือกโรงงานของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นโรงงานผลิต ซึ่งหลังจากได้รับเลือกแล้ว ก็ยังต้องมีการปรับปรุงโรงงานให้ได้ตามมาตรฐานที่บริษัทแอสตราเซเนกาวางไว้ เป็นการบ่งบอกได้ชัดเจนว่า สยามไบโอไซเอนซ์ มีมาตรฐานที่แอสตราเซเนกายอมรับ จะได้มาในเบื้องต้นเพียง 20 ล้านโดส เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้า และผู้สูงอายุ
ส่วนวัคซีนอีกตัว คือ ซิโนแวคจากจีน ซึ่งผลิตด้วยวิธีการทำให้เชื้อไวรัสตายแล้วกรองเอาเชื้อโรคออก ก่อนจะฉีดเข้าร่างกาย เป็นวัคซีนที่มนุษย์คุ้นเคย เพราะมีการใช้วัคซีนประเภทนี้มาหลายสิบปีแล้ว จึงค่อนข้างมั่นใจว่า วัคซีนชนิดนี้ จะปลอดภัยค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิต ซึ่งยังไม่มีใครรู้ผลกระทบข้างเคียงที่ชัดเจน ขณะนี้วัคซีนของบริษัทซิโนแวค กำลังอยู่ในกระบวนการขึ้นทะเบียนของ อย.
ส่วนกรณีที่มีผู้กังวลว่า วัคซีนมาจากประเทศจีน นพ.ทวี ระบุว่า วัคซีนหลายตัวที่ใช้งานกันในขณะนี้ ก็มาจากจีน เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันสมองอักเสบ วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี แม้บางคนอาจจะติดที่ความรู้สึก แต่ยืนยันว่า วัคซีนทุกตัวที่จะนำมาใช้กับคนไทย จะผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องผ่านการรับรองจาก อย. ที่มีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด พร้อมขอให้ผู้ที่คัดค้าน หรือไม่เข้าใจ ขอให้มองด้วยใจเป็นกลาง เป็นธรรม ขอให้เข้าใจว่าทีมแพทย์กำลังทำงานอย่างหนักมากเพื่อคนไทย กระบวนการนำเข้าวัคซีนของไทยก็ไม่ได้ช้ากว่าประเทศอื่น
นพ.ทวี ย้ำว่า วิทยาศาสตร์ไม่เคยเลือกข้างการเมือง นักวิทยาศาสตร์จะใช้วิทยาศาสตร์ในการช่วยเหลือประชาชน พร้อมยืนยันว่าทีมสาธารณสุข จะทำงานอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดถือความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก