พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เน้นย้ำให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ คงความต่อเนื่องในการคุมเข้มการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกจากประเทศเมียนมาที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่สามารถจำกัดการควบคุมให้เพิ่มความเข้มข้นงานข่าวเครือข่ายขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและเพิ่มความถี่การลาดตระเวนสกัดกั้นตามช่องทางธรรมชาติมากขึ้น
ในส่วนพื้นที่ชั้นในให้ประสานการทำงานร่วมกับ กอ.รมน. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แรงงานจังหวัดและตำรวจ ตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ คุมเข้มการผ่านแดนและมาตรการทางสาธารณสุขควบคู่กับการทลายเครือข่ายขบวนการ ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ที่มาจากบุคคลลักลอบผ่านแดน ทั้งนี้ ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด
สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดมีการผลิตภายในประเทศและผลิตง่ายขึ้นโดยทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงส่งผลให้มีการ ผลิตได้ครั้งละมากๆ ขณะเดียวกัน มีการลักลอบขนย้ายลำเลียงเข้าไทยครั้งละมากๆ เพื่อการเสพภายในประเทศ และ การส่งออกไปยังประเทศที่3 ทั้งนี้การแก้ปัญหายาเสพติด ยังถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และต้องตัดวงจรให้ได้ ทั้งการผลิต การลักลอบนำเข้า การจำหน่ายและการเสพ รวมทั้งการบำบัดฟื้นฟู เพื่อมิให้ผู้เสพกลับไปเสพใหม่ ในที่ประชุม รมว.กลาโหม กำชับหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ย้ำการปฏิบัติงานของ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ให้ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรมและมีธรรมาภิบาล โดยให้ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และประชาชนทั่วไป
ส่วนการลงโทษทหารทางวินัย ห้ามใช้ความรุนแรงและกระทำการเกินกว่าเหตุเด็ดขาด รวมถึงให้กำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในเรือนจำทหารให้รัดกุม โดยให้เพิ่มกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่สำคัญ และห้ามลงทัณฑ์ทหารด้วยวิธีที่ไม่เป็นไปตามแบบธรรมเนียมทหารเป็นอันขาด