ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกคำเตือนถึงประเทศไทยว่า หากไทยดำเนินการฝ่ายเดียวในการห้ามไม่ให้พลเมืองกัมพูชาเข้าไปยังบริเวณปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตากรเบย (ไทยเรียกว่าปราสาทตาควาย) และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ซึ่งยังคงเป็นพื้นที่พิพาทเรื่องดินแดน และอยู่ระหว่างการรอตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ก็จะถือเป็นการข้ามเส้นแดง พร้อมเตือนว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง
ฮุน มาเนต ย้ำว่า พื้นที่ของปราสาททั้ง 3 และสามเหลี่ยมมรกต ยังเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาเขตแดนที่ชัดเจนตามกระบวนการกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่มีฝ่ายใดมีอำนาจฝ่ายเดียวในการควบคุม หรือจำกัดการเข้าถึงพื้นที่เหล่านั้นโดยลำพัง ไม่มีใครมีสิทธิฝ่ายเดียวในการห้ามพลเมืองกัมพูชาเข้าพื้นที่เหล่านี้ จะต้องมีการรักษาสถานะของพื้นที่ไว้ตามเดิมเช่นที่เคยเป็นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2025
นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังกล่าวด้วยว่า หากไทยจะใช้แผนที่ดังกล่าว จะเกิดอะไรขึ้นพื้นที่อื่นๆ ตลอดแนวชายแดน 800 กิโลเมตร พวกเขาจะอ้างสิทธิต่อไปอีกหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เราอาศัยบันทึกความเข้าใจปี 2000 สนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1904 และ 1907 รวมถึงพิธีสารที่แนบมา ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าแผนที่ดังกล่าวอยู่ในมาตราส่วน 1:50,000 หรือ 1:100,000 สิ่งสำคัญคือแผนที่ต้นฉบับจะต้องถูกปรับให้เข้ากับมาตราส่วน 1:200,000 อย่างถูกต้องตามที่ตกลงกันไว้
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาบอกด้วยว่า ฝ่ายกัมพูชาพร้อมจะหารือกับหน่วยงานของไทยที่มีอำนาจตัดสินใจ พร้อมเรียกร้องให้ไทยเปิดจุดผ่านแดนทั้งหมดให้กลับมาใช้งานตามปกติได้อีกครั้ง โดยย้ำว่าหากไทยเปิดด่านโดยฝ่ายเดียว กัมพูชาจะตอบสนองภายใน 5 ชั่วโมง เพื่อให้ด่านต่างๆ กลับมาเปิดทำการตามปกติทันที