ข่าวดีมาก 27 พ.ย. นายกฯ ลงนามจองซื้อวัคซีนโควิด-19 คาดได้ใช้กลางปีหน้า
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะเป็นประธาน พิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยการจองล่วงหน้าและสัญญาการจัดซื้อวัคซีน กับบริษัทแอสตราเซเนกา บริษัทผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2563 เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้าและการจัดซื้อวัคซีน ในวงเงิน 6,049,723,117 บาท โดยให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติจัดทำสัญญาการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า ภายใต้เงื่อนไขว่ามีโอกาสที่จะได้รับวัคซีนหรือไม่ได้รับวัคซีนดังกล่าว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยพัฒนาหรือเหตุอื่น ๆ ในวงเงิน 2,379,430,600 บาท โดยจะมีการลงนามที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข่าวดีเกี่ยวกับการวิจัยวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทแอสตราเซเนกา ผลการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีประสิทธิผลเกินข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำหนดมาตรฐานการรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต้องมีประสิทธิผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรก พบว่าประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด-19 สูงถึงร้อยละ 90 ส่วนแบบที่สอง พบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด 19 ที่ร้อยละ 62 ค่าเฉลี่ยประสิทธิผลโดยรวมของทั้ง 2 แบบ อยู่ที่ร้อยละ 70.4 และวัคซีนยังมีความปลอดภัยสูงด้วย
การลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้าและสัญญาการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว จะทำให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนมากกว่าประเทศอื่น โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนกลางปี 2564 เพราะความร่วมมือดังกล่าว ยังหมายรวมถึงการผลิตวัคซีนในประเทศไทย ที่จะใช้โรงงานของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นแหล่งการผลิต โดยไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี จึงถือเป็นโอกาสในการสร้างขีดความสามารถของประเทศ ลดความสูญเสีย สร้างโอกาสทางด้านเศรษฐกิจมหาศาล
CR:รัฐบาลไทย
นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอรัฐบาลเร่งเจรจาสิงคโปร์ เดือนม.ค.64 เพื่อเปิดทราเวล บับเบิล
การจับคู่การท่องเที่ยวกับประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ร่วมหารือกับหน่วยงานรัฐและเอกชนด้านการท่องเที่ยวพิจารณาแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด จับคู่กับเมืองในประเทศจีนที่ปลอดเชื้อโควิด-19 เป็นระยะเวลามากกว่า 150 วัน โดยมีข้อสรุปว่า รัฐบาลและภาคเอกชนต้องหาประเทศที่มีความเสี่ยงโควิด-19 ต่ำและมีจำนวนนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้าไทยเพื่อขอเจรจา จับคู่แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว หรือ ทราเวล บับเบิล ทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวจีน หลังทางการจีนออกมาย้ำชัดถึงนโยบายยังไม่อนุญาตให้นำชาวจีนออกท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยประเทศที่มีความพร้อมเจรจากับไทยมากที่สุดคือสิงคโปร์ เนื่องจาก เป็นประเทศที่มีการนำร่องเจรจาทำทราเวล บับเบิล กับเมืองและประเทศอื่นๆ แล้ว เช่น ฮ่องกง มาเลเซีย และเวียดนาม
หากเป็นไปได้ อยากเห็นรัฐบาลไทยเจรจาทำทราเวล บับเบิล กับรัฐบาลสิงคโปร์เร็วที่สุดภายในกลางเดือน ม.ค. 2564 เพื่อเป็นตลาดทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนได้บ้าง ด้วยระยะการเดินทางไม่ไกลและมีจำนวนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ต้องการเดินทางไปภูเก็ตจำนวนมาก
ส่วนเวียดนามก็เป็นอีกประเทศที่มีพื้นที่เขียวปลอดการติดเชื้อ สามารถเป็นตลาดทดแทนจีนได้บ้าง แต่มีข้อจำกัดตรงไม่ต้องการกักตัว และต้องการเดินทางเข้ามาระยะสั้นและช้อปปิ้ง
เกาหลีใต้มีจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟ แต่ยังต้องใช้เวลาในการเตรียมการอีกสักระยะ ก่อนจะสามารถขับเคลื่อนได้จริง
ขณะที่ไต้หวันซึ่งมีพื้นที่สีเขียวปลอดการติดเชื้อและมีนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้าไทย แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับการเจรจากับประเทศจีนเป็นลำดับแรก
CDC เตรียมลดวันกักตัวโควิด-19
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี เตรียมลดวันกักตัวบุคคลกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 ลงจากกำหนดเดิม 14 วัน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสและติดเชื้อโควิด-19 ในระหว่างการกักตัว ซึ่งสาธารณสุขสหรัฐฯ ระบุว่า กำลังมีการพิจารณาให้ลดวันกักตัวลง โดยจะอยู่ระหว่าง 7-10 วันและจะเพิ่มการทดสอบให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ทำให้ทุกคนอยู่ในความเสี่ยง โดยระหว่างนี้จะยังคงยึดแนวปฏิบัติเดิมคือการกักตัวกลุ่มเสี่ยง 14 วัน
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯถูกผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขวิจารณ์ว่าทำงานล่าช้าในการทดสอบโควิด-19 โดยมีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ในแต่ละวันมากกว่า 100,000 คนมาตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.2563 ทำให้มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 12 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตเกือบ 259,000 ราย