นายโจ ไบเดน ผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดตัวคณะทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติและการต่างประเทศ หลังจากที่มีการประชุมหารือครั้งแรกนับตั้งแต่นายไบเดนทยอยประกาศรายชื่อเมื่อวันจันทร์ (23 พ.ย.) โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อบางคน และหลายคนเป็นผู้ที่มักจะวิจารณ์นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
นายไบเดนกล่าวว่า คณะทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติและการต่างประเทศของเขาเป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อทำงานร่วมกับพันธมิตร โดยจะมีการทำงานร่วมกันเพื่อให้อเมริกาและชาวอเมริกันปลอดภัย เพื่อให้อเมริกากลับมาเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง
สำหรับบุคคลในคณะทำงานได้แก่
-นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีการต่างประเทศ ซึ่งเปิดเผยถึงแนวทางการทำงานว่าจะสร้างความเท่าเทียมกันและความอ่อนน้อมถ่อมตนเพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดของโลกเพียงลำพัง ต้องมีการทำงานทำงานร่วมกับประเทศอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความท้าทายในยุคของเรา
-นายอเลจานโดร มายอร์กาส รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งกล่าวว่า พ่อและแม่ของเขาพาเขามาที่อเมริกาเพื่อหลีกหนีลัทธิคอมมิวนิสต์ เนื่องจากพวกเขารักประชาธิปไตยและมีความภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ตัวของเขาเองก็มีความภาคภูมิใจตลอดเกือบ 20 ปีที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและตลอดชีวิตของเขา
-นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ซึ่งกล่าวว่าเธอคิดถึงเพื่อนร่วมอาชีพนักการทูตและข้าราชการทั่วโลก และอยากบอกกับทุกคนว่าอเมริกากลับมาแล้ว ระบบพหุภาคีกลับมาแล้ว และการทูตกลับมาแล้ว
-นายจอห์น เคอร์รี ทูตพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า นายไบเดน ได้นำเสนอแผนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กล้าหาญ แต่ไม่มีประเทศใดเพียงประเทศเดียวที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แม้แต่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนร้อยละ 13 ของการปล่อยมลพิษทั่วโลก และกล่าวว่าข้อตกลงปารีสยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขวิกฤตโลกร้อนได้
-นางเอวริล เฮนส์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งกล่าวยืนยันว่า เธอไม่เคยหลีกเลี่ยงที่จะพูดความจริง และนั่นจะเป็นหน้าที่ของเธอในฐานะผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ
-นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เขากล่าวว่า จะทำหน้าที่เฝ้าระวังภัยคุกคามทั้งอาวุธนิวเคลียร์และการก่อการร้าย กับจะทบทวนนโยบายด้านความมั่นคงแห่งชาติอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับวิกฤตที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตสภาพภูมิอากาศ การหยุดชะงักทางเทคโนโลยี ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติและความไม่เท่าเทียมกันในทุกรูปแบบ คณะทำงานทุกคนจะสร้างความก้าวหน้าทุกแนวรบ
-นายจอห์น เคอร์รี ทูตพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า นายไบเดน ได้นำเสนอแผนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กล้าหาญ แต่ไม่มีประเทศใดเพียงประเทศเดียวที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แม้แต่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนร้อยละ 13 ของการปล่อยมลพิษทั่วโลก และกล่าวว่าข้อตกลงปารีสยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขวิกฤตโลกร้อนได้
-นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ร่วมกล่าวในงานนี้ด้วย โดยกล่าวว่า ความท้าทายของรัฐบาลชุดใหม่ คือการฟื้นฟูและการก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำโลก ซึ่งจะต้องมีการรวมกลุ่มกันใหม่ รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพันธมิตรของอเมริกา เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงที่ทำให้อเมริกาปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาผลประโยชน์ของประเทศ ต่อสู้กับภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายต่อเราทุกคน
ทั้งนี้นางเฮนส์และนางมายอร์กาส จะสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นผู้นำชุมชนข่าวกรองของสหรัฐฯและชาวลาตินคนแรกที่เป็นหัวหน้ากระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิหากได้รับการยืนยันจากวุฒิสภา โดยนางเฮสเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีไอเอ และรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ส่วนนางมายอร์กาสเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
นอกจากนี้ นางเฮนส์, นายมายอร์กาส, นายบลิงเคน และ นางโธมัส-กรีนฟิลด์ จะต้องได้รับการลงมติรับรองจากวุฒิสภาก่อน โดยในปัจจุบันวุฒิสภาถูกควบคุมโดยรีพับลิกัน
....