ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 กลับมาอีกครั้ง ทำให้ขณะนี้หลายหน่วยงานต้องรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักและช่วยกันลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น หนึ่งในนั้นคือการลดควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ กรมการขนส่งทางบก จึงส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจควันดำและตรวจจับรถบรรทุกผิดกฎหมาย บริเวณถนนรังสิต-ปทุมธานี ฝั่งขาออก ย่านห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต เนื่องจากจุดนี้ มีรถบรรทุกใช้เส้นทางจำนวนมาก
นายสิรภพ มิ่งชื่น เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน กรมการขนส่งทางบก บอกว่า วันนี้พบรถกระทำผิดกฎหมายถึง 13 คัน แบ่งเป็น รถบรรทุก 11 คัน กระทำผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก
-รถบรรทุกที่ตรวจพบทำผิดกฎหมาย ข้อหาอุปกรณ์ส่วนควบไม่สมบูรณ์หรือติดตั้งผิดกฎหมาย เช่น ท่อไอเสียขาด แตรไม่ดัง ติดตั้งแตรลมที่ส่งเสียงรบกวน -ไฟเบรกชำรุด ไม่ติดป้ายชื่อผู้ประกอบการ ไม่มีแผ่นยางกันโคลนกระเด็น ป้ายทะเบียนท้ายรถหาย ไม่มีสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถมาแสดง
-ติดสปอตไลท์ส่องสว่าง ทั้งหมดนี้มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท เจ้าหน้าที่ออกใบคำสั่งให้ไปเสียค่าปรับที่กรมการขนส่งทางบก โดยเจ้าพนักงานจะใช้ดุลพินิจในการเปรียบเทียบปรับ
เจ้าหน้าที่ยังพบรถประจำทาง ติดตั้งโฆษณาโดยไม่ขออนุญาต และรถร่วมบริการที่นำรถรุ่นเก่าสีเหลืองมาวิ่งรับ-ส่ง ซึ่งต้องออกใบสั่งไปถึงต้นสังกัดให้ดำเนินการให้เรียบร้อย คือไปขออนุญาตติดตั้งโฆษณาให้ถูกต้องและเร่งเปลี่ยนรถรุ่นใหม่สีฟ้ามาให้บริการ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ยังพบรถแท็กซี่ป้ายดำนำมาติดมิเตอร์รับ-ส่งผู้โดยสาร โดยตรวจพบว่า เคยมีป้ายเหลือง แต่รถหมดอายุ ถูกปลดป้ายเหลืองไปแล้ว แต่ยังนำมาวิ่งรับผู้โดยสาร และยังพบว่า ใบขับขี่หมดอายุด้วย เจ้าของรถอ้างว่า ไม่ได้รับผู้โดยสาร แค่พาญาติมาส่งโรงพยาบาล แต่พอสอบถามผู้โดยสารที่นั่งมาในรถ พบว่า มีการจ่ายค่าจ้างจริง เจ้าหน้าที่จึงออกใบสั่งฐานใช้รถผิดประเภท นำรถส่วนบุคคลมาวิ่งให้บริการ โทษปรับไม่เกิน 2,000บาท ส่วนข้อหาใบขับขี่หมดอายุ โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
กรมการขนส่งทางบก ขอให้ประชาชนเลือกใช้บริการรถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะ โดยสังเกตได้จากแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นสีเหลือง เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการและได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ห้ามใช้บริการรถโดยสารป้ายดำโดยเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการเข้มงวดกวดขันป้องกันการกระทำความผิดในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนการตรวจรถควันดำ ทางกรมการขนส่งทางบก จะเน้นตรวจควันดำรถขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุก หรือรถโดยสารประจำทาง โดยมีขั้นตอนคือ ตรวจด้วยสายตาก่อน หากสงสัยว่าควันดำ จะเรียกจอดเพื่อใช้เครื่องวัดควันดำแบบไร้สาย โดยจะให้รถบรรทุกลองเร่งเครื่องก่อน 1 ครั้ง เพื่อไล่เขม่าที่ติดตามท่อไอเสีย จากนั้นเร่งเครื่องโดยจ่อเครื่องมือที่ท่อไอเสีย 2 ครั้ง หากค่าความหนาทึบของควันเกินร้อยละ 45 ถือว่า ควันดำ เจ้าหน้าที่จะพ่นสีเป็นเครื่องหมายห้ามใช้ชั่วคราวที่หน้ากระจกรถ พร้อมออกใบสั่งให้เจ้าของรถไปแก้ไขใน 72 ชั่วโมง แล้วนำมาให้กรมการขนส่งทางบกตรวจอีกครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะลบสีให้ หากพบว่าเจ้าของรถลบสีเอง โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือพบว่านำรถที่ถูกห้ามใช้ชั่วคราวมาวิ่ง โทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท แต่จากการตรวจสอบวันนี้ไม่พบรถบรรทุกและรถโดยสารประจำทางควันดำเกินกว่ากฎหมายกำหนด
การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกวันนี้ ยังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ที่มาสุ่มตรวจรถยนต์ควันดำในจุดเดียวกัน โดยสุ่มพบรถกระบะควันดำ หรือมีค่าความหนาทึบของควันเกินกว่าร้อยละ 45 พบทั้งหมด 4 คัน บางคันค่าความหนาทึบพุ่งไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
นายจิรายุทธ์ พุ่มหิรัญ และนายฤทธิรงค์ ปุญญะศรี นายช่างเทคนิค กรมควบคุมมลพิษ บอกว่า เจ้าหน้าที่จะออกใบคำสั่งพร้อมสติกเกอร์ห้ามใช้รถชั่วคราวแปะไว้หน้ารถ เพื่อให้เจ้าของรถไปแก้ไขภายใน 30 วัน แล้วนำรถมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แต่ถ้าเกินกำหนด 30 วัน จะมีเจ้าหน้าที่ออกหมายขอตรวจรถ ถ้าพบว่ายังมีควันดำ หรือเห็นว่ายังนำรถควันดำมาวิ่ง จะออกคำสั่งห้ามใช้เด็ดขาด ซึ่งในส่วนของกรมควบคุมมลพิษจะไม่มีการเปรียบเทียบปรับ
เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก และเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ฝากถึงเจ้าของรถทุกรายให้ตรวจสอบสภาพรถ อย่าให้เกิดควันดำ วิธีง่ายๆ คือ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามเวลาที่กำหนด หมั่นทำความสะอาดหม้อกรองอากาศ หมั่นตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการแต่งรถและการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด เพื่อลดควันดำ ลดฝุ่น ลดมลพิษ