ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างทั่วถึง โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มบรรเทาลง เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งดำเนินมาตรการหลายรูปแบบเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและมาตรการพักชำระหนี้ ทำให้ธุรกิจบางสาขา เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ ยกเว้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (3 พ.ย.63) มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินอย่างทั่วถึง และมีสภาพคล่องพอที่จะดำเนินธุรกิจไปได้ โดยมีรายละเอียดคือ
1. ปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อต่อราย Soft loan ท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่องของธนาคารออมสิน จากเดิมไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย เป็นไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย เป็นระยะเวลา 2 ปี และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564
2. ขยายขอบเขตคุณสมบัติของผู้ประกอบการ SMEs ในโครงการ PGS Soft Loan พลัส วงเงิน 57,000 ล้านบาท ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมมาตรการสินเชื่อ Soft loan ท่องเที่ยว แต่ยังไม่ได้รับสินเชื่อตามมาตรการดังกล่าว โดย บสย. คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.75 ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกัน 8 ปี เริ่มค้ำประกันในต้นปีที่ 3 นับจากวันที่ผู้ประกอบการแต่ละรายได้รับสินเชื่อ
3. ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ Soft loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาท ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี
4.ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ Extra cash วงเงิน 10,000 ล้านบาท ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่นๆวงเงินไม่เกิน 3,000,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้ 5 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบให้ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องบินไอพ่น จาก 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร โดยมีผลหลังเวลา 24.00 น. ของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการสายการบิน จะได้ปรับลดค่าโดยสาร และทำให้ประชาชนตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น