ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563

30 ตุลาคม 2563, 08:38น.


สถาบันจัดอันดับ ‘ฟิทช์’ คงเครดิตความน่าเชื่อถือ BBB+

          นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ฟิทช์ เรทติ้ง ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ เนื่องจาก ประเทศไทยมีความเข้มแข็งภาคการคลังและภาคการเงินต่างประเทศอยู่ในระดับสูง ซึ่งมีส่วนช่วยรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง และความผันผวนของวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ได้เป็นอย่างดี



          ประเด็นที่ฟิทช์ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อจีดีพี และความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาครัฐและการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะปานกลาง



ศก.คู่ค้าดีขึ้น-รัฐออกมาตรการกระตุ้นศก.คาดการณ์ จีดีพี ปีนี้ ติดลบเหลือ 7.7%



          สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังขยายตัวดีขึ้น ทำให้คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ติดลบน้อยลงจากเดิมร้อยละ 8.5 ปรับดีขึ้นมาเป็นติดลบร้อยละ 7.7 ส่วนปีหน้าคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ ร้อยละ 4.5 ไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการณ์ครั้งก่อน



-ปัจจัยด้านต่างประเทศ เป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเริ่มขยายตัวดี นำโดยกลุ่มประเทศในเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม ส่งผลให้ภาคการส่งออกสินค้าของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง



-ปัจจัยในประเทศ ภาครัฐจัดสรรงบประมาณ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณปกติและจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน จากโครงการต่างๆเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง และมาตรการช้อปดีมีคืน มีส่วนช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทย รักษาระดับการจ้างงาน และสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานรากคิดเป็นร้อยละ 0.54ต่อปี



-การควบคุม การแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทย อยู่ในเกณฑ์ดี สร้างความมั่นใจ



-การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและการเริ่มเปิดประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น



ยุโรป ล็อกดาวน์โควิด-19 ระบาดรอบ 2 ท่องเที่ยวสะดุด



          หลายประเทศกลับมาคุมเข้มใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบ 2 กระทบไทยหลายด้าน นายวิศิษฐ์  ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สิ่งที่กระทบต่อประเทศไทย คือ



-ภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด แม้ว่ารัฐบาลจะเริ่มมีการผ่อนปรนมากขึ้นแล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนในการสร้างความมั่นใจให้กับทั้งคนในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นยังเป็นในเรื่องของวัคซีน และต้องทำความเข้าใจว่าถึงแม้จะมีวัคซีนรักษาแล้ว ใช่ว่าใช้เวลา1-2 ปี จะทำให้สถานการณ์กลับมาปกติได้ เรื่องนี้ต้องใช้เวลา

-กำลังซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะไม่มั่นใจเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งสินค้าที่จะได้รับผลกระทบหลักคือสินค้าฟุ่มเฟือย จากปกติคนระดับรายได้ปานกลาง ยังสามารถซื้อสินค้าประเภทนี้ได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว สินค้าฟุ่มเฟือย จะยิ่งได้รับความสนใจน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทบต่อผู้ประกอบการในที่สุด



-มาตรการกีดกันทางการค้าของแต่ละประเทศ จะเข้มข้นมากขึ้น เป็นผลจากที่หลายประเทศส่งออกและขายสินค้าประเทศได้ลง จึงเป็นเหตุทำให้หลายประเทศหันมาสนับสนุนให้ซื้อขายสินค้าในประเทศมากขึ้น เช่นเดียวกับไทยที่ผลักดันในเรื่องนี้อยู่เช่นกัน



          นอกจากประเทศยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ที่พบการระบาดรอบ 2 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เตือนไทยยังต้องระวังการเข้าออกบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศไทยและช่องทางธรรมชาติถึง 2,400 กิโลเมตร หากประเทศเพื่อนบ้านติดเชื้อกันมากไทยต้องระวัง เรื่องนี้เป็นความเสี่ยงสูง ต้องมีมาตรการดูแลที่ดี เพื่อไม่ให้กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย 



เที่ยวลอยกระทงปลอดภัย กทม.จัดชุดลาดตระเวนทางน้ำ-ประจำจุดท่าเทียบเรือและโป๊ะ



          กรุงเทพมหานคร (กทม.) เตรียมความพร้อมมาตรการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนเดินทางไปลอยกระทง กทม.จัดงานลอยกระทง 2 พื้นที่หลัก บริเวณสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี เขตบางพลัด และบริเวณคลองโอ่งอ่างเขตสัมพันธวงศ์ และพระนคร  สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับสำนักการแพทย์ จัดเรือดับเพลิงและเรือกู้ชีวิต ออกลาดตระเวนในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานพระราม 7 ถึงสะพานพระราม 9 รวมระยะทาง 20.4 กม. แบ่งเป็น3 ชุด คือ



1.ตั้งแต่สะพานพระราม 7ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า



2.ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถึงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สะพานสาทร)



3.ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ถึงสะพานพระราม 9



แต่ละชุดประกอบด้วย เรือดับเพลิง 38 ฟุต 2 ลำ เจ้าหน้าที่และอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ1 ชุด



          นอกจากนี้ จัดเจ้าหน้าที่ จำนวน 89 นาย ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่ 37 จุด ได้แก่ จุดกองอำนวยการร่วมส่วนหน้า 5 จุด แต่ละจุดมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดละ 5 นาย พร้อมรถดับเพลิง รถไฟฟ้าส่องสว่างและถังดับเพลิง



1.เชิงสะพานพระราม 8 เขตบางพลัด



2.สวนสันติไชยปราการ เขตพระนคร



3.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน



4.ริมบึงลำพังพวย เขตบึงกุ่ม



5.ริมคลองผดุงกรุงเกษม เขตดุสิต



          จุดพื้นที่ลอยกระทง บริเวณสวนสาธารณะและริมคลอง 32 จุด จัดเจ้าหน้าที่จุดละ 2 นาย พร้อมรถดับเพลิง รถไฟฟ้าส่องสว่าง และถังดับเพลิง และจุดท่าเทียบเรือและโป๊ะ จัดเจ้าหน้าที่จุดละ 2 นาย พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต เสื้อชูชีพ ห่วงยางช่วยชีวิตและเชือกช่วยชีวิต



          นอกจากนี้ ได้ให้สำนักงานเขตตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความพร้อมของท่าเทียบเรือและโป๊ะในพื้นที่ รวมถึงการติดป้ายประกาศเตือน ป้ายจำนวนบรรจุน้ำหนัก การสำรวจท่าเรือในปี 2563 ใน 50 เขต มีจำนวน 402 ท่าอยู่ในสภาพใช้งานได้ จำนวน 353 ท่า สภาพชำรุดจำนวน 49 ท่า ซึ่งได้ติดป้ายห้ามใช้งานแล้ว



CR:กรุงเทพมหานคร



 

ข่าวทั้งหมด

X