ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ชื่นชมการที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี)และบาห์เรน ทำข้อตกลงสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งสันติภาพในตะวันออกกลาง หลังเกิดความแตกแยกและปัญหาข้อพิพาทมาหลายสิบปี ระบุว่าทุกคนมาทำข้อตกลงในวันนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไปในทิศทางที่ถูกต้อง พร้อมหวังว่าประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางจะเอาเป็นแบบอย่าง
นายทรัมป์ พูดเรื่องนี้ ขณะที่นายอันวาร์ การ์กาช รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเออีและนายอับดุลาทิฟ บิน ราชิด อัลซายานี รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรน ลงนามในข้อตกลงกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยพิธีจัดขึ้นในทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร มีผู้ร่วมงานหลายร้อยคน
ขณะที่ประเทศทั้งสามชื่นชมการทำข้อตกลงครั้งนี้ว่าจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองและเป็นจุดเริ่มต้นแห่งสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ทั้งสาม 3 ประเทศ ทำข้อตกลง นับเป็นประเทศอาหรับลำดับที่ 3 และที่ 4 ต่อจากอียิปต์และจอร์แดน ที่ทำข้อตกลงเช่นนี้กับอิสราเอลเมื่อปี 2521 และปี 2537 ตามลำดับ
แต่ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสของปาเลสไตน์ กล่าวว่า เพียงแค่อิสราเอลถอนกำลังทหารออกจากอาณาเขตปาเลสไตน์ที่อิสราเอลเข้ายึดครอง สันภาพที่ยั่งยืนก็จะเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง พร้อมเรียกร้องไม่ให้ประเทศอาหรับอื่นๆลงนามข้อตกลงสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลจนกว่าปัญหาข้อพิพาทอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ได้รับการแก้ไข
Cr: BBC, The Times of Israel