ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันอังคารที่ 15 กันยายน 2563

15 กันยายน 2563, 08:55น.


หมอจุฬา ย้ำ การเปิดรับนทท.เป็นปัจจัยเสี่ยงรับเชื้อโควิด-19 สำคัญที่สุด   



          รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงการระบาดโควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊กว่า สถานการณ์ทั่วโลก 15 ก.ย.ติดเชื้อเพิ่มอีก 250,140 คน ยอดติดเชื้อ 29,403,983 คน ยอดเสียชีวิตรวม 931,639 ราย



-สหรัฐฯ ติดเชื้อเพิ่ม 37,809 คน รวม 6,744,028 คน



-อินเดีย ติดเชื้อเพิ่ม 81,911 คน รวม 4,926,914 คน เสียชีวิตเพิ่มเกินพันราย



-บราซิล ติดเชื้อเพิ่ม 15,155 คน รวม 4,345,610 คน



-รัสเซีย ติดเชื้อเพิ่ม 5,509 คน รวม 1,068,320 คน



-อันดับ 5-10 ยังคงเป็นเปรู โคลอมเบีย เม็กซิโก แอฟริกาใต้ สเปน และอาร์เจนตินา ติดกันเพิ่มราวพันถึงหมื่นคนต่อวัน ที่น่าห่วงตอนนี้คือเปรู ติดเพิ่มไปถึง 11,028 คน ส่วนแอฟริกาใต้ ลดลงมาต่ำกว่าพันนิดหน่อย



-ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ อิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ยังติดกันหลักพันถึงหลายพันต่อวัน บางประเทศประชาชนเรียกร้องให้รัฐล็อคดาวน์เมือง เพื่อคุมการระบาดอีกครั้ง



-หลายประเทศในยุโรป รวมถึงแคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเมียนมา ติดกันหลักร้อยถึงหลายร้อย



-ส่วนจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง และออสเตรเลีย ติดกันหลักสิบ และนิวซีแลนด์ ติดหลักหน่วย



-อินเดีย จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 5,000,000 คน ในวันพรุ่งนี้



-เมียนมา ติดเชื้อเพิ่มอีกถึง 263 คน ยอดติดเชื้อรวมจะแซงไทยในอีก 2 วันข้างหน้า



-ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเกิน 30,000,000 คน ไม่ถึง 3 วันข้างหน้า



สถานการณ์ในไทย รศ.นพ.ธีระ มองว่ามีปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลอยู่ 3 ข้อ



1.มียารักษาที่มีประสิทธิภาพไหม?



2. มีวัคซีนป้องกันที่มีประสิทธิภาพไหม?



3. มีนโยบายเสี่ยงต่อการเปิดรับเชื้อเข้ามามากน้อยเพียงใด?



         ในระยะเวลาอันใกล้ อาจมีวัคซีนป้องกันได้ แต่ส่วนตัวแล้วคาดว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพที่ไม่สูงนักน่าจะไม่เกิน 50-60% และอาจต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะผลิตและแจกจ่ายเพื่อฉีดได้ โดยจะไม่พอสำหรับทุกคน อาจได้เฉพาะกลุ่มเสี่ยงก่อน 



          ขณะเดียวกันให้ความสำคัญปัจจัยที่ 3 น่าจะเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปได้ เพราะหากไวรัสยังสามารถแพร่กระจายได้เร็วเช่นนี้ คนที่พยายามป้องกันตัวอยู่เสมอจะได้รับผลกระทบจากคนที่ละเลยเพิกเฉยแบบตกกระไดพลอยโจน เพราะการป้องกันแต่ละวิธีไม่ใช่ว่าได้ผล 100% การระบาดหนักจะปะทุขึ้นมาเป็นระลอกๆ ตราบใดที่วัคซีนยังไม่สามารถกระจายไปได้อย่างทั่วถึง เพราะจะใช้เวลาอย่างน้อยหลายปี จะทำให้เกิดการเสียชีวิต และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพสูงเกินกว่าที่คาด

          นโยบายเสี่ยง คือ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงทั่วโลกเช่นนี้ เวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว คือ เมื่อสถานการณ์การระบาดทั่วโลกดีขึ้น และเมื่อประเทศต่างๆ เริ่มได้อาวุธมาคุมการระบาดของประเทศตนเองได้ระยะหนึ่ง และที่สำคัญคือ ต่อให้การระบาดดีขึ้น แต่ไวรัสจะยังไม่หายไปจากโลก และจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบระบบ กลไก และรูปแบบของการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการเดินทางของประเทศและของโลกให้สอดคล้องกับสถานการณ์



 คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ศาลนัดสืบพยาน12ต.ค.



          หลังจากที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กลับคำให้การเป็นรับสารภาพว่าอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาที่ดูแลคดีการรับโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง โดยยอมรับว่าร่วมกับนายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี จำเลยที่ 3 ติดตามตัวนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ และน.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ เป็นเวลานานหลายวันเมื่อเดือน ม.ค. 2563 และรับว่าได้ร่วมกับ นายณรงค์ศักดิ์ และนายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี จำเลยที่ 4 และ นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี จำเลยที่ 5 คุมตัวนายวีรชัยจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ในขณะที่ช่วงต่อรองเรื่องคดีกับน.ส. พนิดา แต่ยังไม่สำเร็จ นายณรงค์ศักดิ์ ชกต่อยจนทำให้นายวีรชัย เสียชีวิต   



          พ.ต.ท.บรรยิน รับสารภาพอีกว่า ได้ร่วมกับนายณรงค์ศักดิ์ นำศพนายวีรชัยไปเผา เพื่อทำลายที่บริเวณเขาใบไม้ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ และขับรถ นำเถ้ากระดูก สังกะสี เศษยางรถยนต์ อิฐบล็อก ไปทิ้งตามจุดต่างๆ ส่วนนายณรงค์ศักดิ์  นำโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ของนายวีรชัยและแผ่นป้ายทะเบียนรถไปทิ้งที่แม่น้ำปิง พ.ต.ท.บรรยิน ระบุว่า ไม่มีเจตนาจะก่อเหตุดังกล่าวเพื่อกระทบกระทั่งต่อองค์กรศาล หรือก้าวล่วงหรือดูหมิ่นเหยียดหยามองค์กรศาล แต่เป็นเรื่องเฉพาะตัว ด้วยเห็นว่า น.ส.พนิดา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนทำหน้าที่อย่างลำเอียง ขาดความเที่ยงธรรม และมีอคติกับจำเลยที่ 1 ระหว่างการพิจารณาคดีมาโดยตลอด ทำให้ตนเกิดความกดดันและขาดสติยั้งคิดจึงได้กระทำความผิด



         คดีนี้มีจำเลย 6 คน  ประกอบด้วย พ.ต.ท. บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี เป็นจำเลยที่ 1-6 ใน ความผิด 9 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ, ร่วมกันข่มขืนใจ เจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบ โดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ, ฐานกระทำการเป็นซ่องโจร, ร่วมกันพยายามข่มขืนใจ ผู้อื่นให้กระทำการใดฯ, ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายฯ, ฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรฯ, ฐานร่วมกันแสดงตนเป็น เจ้าพนักงานฯ และยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ข้อหาสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานฯ



         ศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี นัดสืบพยานวันที่ 12 ต.ค.เวลา 09.00 น.เป็นการนัดสืบพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วม ส่วนพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยคงให้ไต่สวนตามจำนวนที่กำหนดไว้เดิม ยกเว้นพยานของจำเลยที่ 1 ในส่วน พ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย ที่พ.ต.ท.บรรยิน แถลงไม่ติดใจสืบพยานปากนี้ 



สน.หัวหมาก ตามจับชายวัย 30 ปี ทำร้ายหญิงที่วิ่งออกกำลังกาย ด้านหลังคลองแสนแสบ



          จากกรณีผู้เสียหายโพสต์เฟซบุ๊กเตือนเพื่อนๆ นักวิ่ง ผู้หญิงทุกคนว่า อย่าไปวิ่งคนเดียว บริเวณด้านหลังคลองแสนแสบ​ หลังจากตนเองถูกคนร้ายดักฉุดและทำร้ายร่างกาย​แต่หนีรอดมาได้หวุดหวิด​ ก่อนจะมาแจ้งความที่​ สน.หัวหมาก พ.ต.ท.เมธสิทธิ์ วชิราปัญญานนท์ รอง ผกก.สส.(สืบสวน) สน.หัวหมาก กล่าวว่า ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุเพื่อติดตามคนร้าย จุดที่เกิดเหตุพบว่าเวลากลางคืนแม้จะมีแสงไฟส่องสว่างแต่ถือว่าเปลี่ยว ขอให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวเดินทางด้วยความระมัดวัง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ



          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.นิว​ (นามสมมุติ) ได้ให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ​ พร้อมทั้งนำหลักฐานใบรับรองแพทย์มาให้ทางเจ้าหน้าที่ด้วย พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ย .ประมาณ ​20.30 น.ไปวิ่งออกกำลังกายที่สนามราชมังคลา​กีฬาสถาน​ ภายหลังออกกำลังกายเสร็จ​ ได้เดินทางกลับที่พักย่านรามคำแหง​ โดยใช้เส้นทางเลียบคลองแสนแสบ​ เริ่มจากอาคารเอฟบีที คอมเพล็กซ์​ โดยตนเองได้หยุดวิ่งและเดิน​ เพราะว่าบริเวณดังกล่าวมีไฟส่องสว่าง​ เมื่อเดินมาสักพักรู้สึกว่าจะมีคนตาม​ โดยตนได้พยายามเหลือบตามอง​ เมื่อใกล้เข้ามา​ พอจะหันไปมองก็โดนคนร้ายล็อก​คอ​จากทางด้านหลังทันที​ และพยายามฉุดเข้าข้างทาง​ ขณะนั้นตนถือโทรศัพท์​มือถือและขวดน้ำ​อยู่​ จึงทิ้งทุกอย่างแล้วพยายามต่อสู้กับคนร้ายจนล้มลงและเหมือนว่าข้อศอกจะกระแทกไปที่คนร้าย​ทำให้คนร้ายชะงักก่อนที่ตนจะร้อง​ และมีเสียงฝีเท้าคนเข้ามาช่วยเหลือคนร้ายจึงวิ่งหนีไป​ คนร้ายอายุประมาณ​ 30​ ปี สวมใส่ชุดกีฬา​ ไม่เคยเห็นหรือคุ้นหน้ามาก่อน​ แต่คิดว่าเป็นคนที่น่าจะเดินสวนกันก่อนที่จะก่อเหตุ​ อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากเตือนนักวิ่งว่า​ ไม่ควรไปวิ่งคนเดียว​



วสท.เตือนเสริมความแข็งแรงกันสาด หลังเกิดเหตุกันสาดปูนหัก คอนโดแถวศรีนครินทร์



         การตรวจสอบเหตุกันสาดปูนหักพับลงมาทับหน้าบ้านเสียหาย 6 ห้อง ที่คอนโดเรสซิเด้นซ์ 5 ซอยสุภาพงษ์ 1 แยก 3 ถนนศรีนครินทร์ รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. กล่าวว่า การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีความเสียหายเฉพาะบริเวณกันสาด เนื่องจากแผ่นซีเมนต์สำเร็จรูปพรีคาสท์ หรือ  Precast ที่หล่อสำเร็จจากโรงงาน  เสื่อมสภาพ อายุการใช้งานเป็นเวลานาน ประกอบกับผู้พักอาศัยนำสิ่งของที่มีน้ำหนักไปวางไว้ รวมทั้งการสั่นสะเทือนของสิ่งประกอบ เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ และการรับน้ำหนักของน้ำฝนที่สะสมมาเป็นเวลานานจนหักลงมา



          ส่วนตัวโครงสร้างของอาคารยังแข็งแรงและก่อสร้างได้มาตรฐาน หากซ่อมแซมบริเวณที่หักลงมาก็สามารถเข้าไปพักอาศัยได้ตามปกติ



         ขณะที่ อาคารข้างเคียงที่มีกันสาดปูนในลักษณะคล้ายกันจะมีโอกาสเกิดเหตุคล้ายกันหรือไม่ คงจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่หากไม่เพิ่มน้ำหนักบนกันสาดก็จะไม่ได้รับความเสียหาย เพราะในช่วงการก่อสร้างไม่ทราบว่าการยึดติดระหว่างกันสาดกับตัวอาคารมีความมั่นคงแข็งแรงเพียงใดจึงแนะนำว่าเจ้าของอาคารควรตรวจสอบและเสริมความแข็งแรงล่วงหน้าเพื่อป้องกันไว้ก่อน



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X