สธ.ให้ความมั่นใจ รับมือโควิด-19 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

14 กันยายน 2563, 15:01น.


          การควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้มีชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) 1.4 ล้านชุด หน้ากาก N95 จำนวน 2.4 ชิ้น และหน้ากากทางการแพทย์ 43 ล้านชิ้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีโรงงานผลิตหน้ากากเพิ่มจำนวนจาก 9 แห่ง เป็น 45 แห่ง กำลังการผลิตวันละ 3.4 ล้านชิ้น เพราะฉะนั้นเพียงพอสำหรับบุคลากรการแพทย์และประชาชนทั่วไป

          สำหรับยารักษาโรคขณะนี้ มีฟาวิพิราเวียร์ 5.9 แสนเม็ด แม้ว่ายาล็อตนี้จะหมดอายุประมาณ เม.ย. 2564 แต่ยังไม่จำเป็นต้องสั่งเข้ามาเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตยานี้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีแค่ประเทศญี่ปุ่น และจีน  ขณะนี้ มีผู้ผลิตจากอินเดียและอีกหลายบริษัทเข้ามาเพิ่ม  ซึ่งขณะนี้ อย.ได้ขึ้นทะเบียนให้นำเข้า และจำหน่ายในประเทศไทย 2 บริษัท เพราะฉะนั้นถ้าสั่งไปแล้วก็สามารถส่งยาเข้ามาได้ภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนยาเรมเดซิเวียร์ มีอยู่ในสต็อก 400 หลอด อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นหลัก ทั้งยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ ที่เราเตรียมความพร้อมเอาไว้นั้นเพียงพอสำหรับรองรับกรณีระบาดมากกว่า 2-3 เท่า

          ส่วนการพัฒนาผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในไทยคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด และบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม ขอให้เตรียมเอกสารให้พร้อม หากสามารถทดลองในมนุษย์ได้แล้วจะได้ไม่ล่าช้า ส่วนวัคซีนทั่วโลก โดยเฉพาะแอสตราเซเนกา ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ที่ชะลอการวิจัยเพราะเกิดปัญหาการทดลองในมนุษย์เฟส 3 ผู้ได้รับวัคซีนเป็นอัมพาตนั้น ขณะนี้กลับมาเดินหน้าทดลองต่อแล้ว





          ด้าน นพ. วิฑูรย์ อนันต์กุล ผอ.กองสาธารณสุขฉุกเฉิน กล่าวว่า แม้กระทรวงสาธารณสุขควบคุมโรคได้ดีในระดับที่พึงพอใจ แต่เวลานี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ประเทศจำเป็นต้องเดินหน้าเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเปิดรับคนเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ดังนั้นประชาชนต้องเข้าใจว่าถึงจุดหนึ่งเราอาจจะมีผู้ป่วยเกิดขึ้นได้ แต่อยู่บนพื้นฐานที่กระทรวงสาธารณสุขรับมือได้ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขจึงเตรียมความพร้อมทั้งกำลังคน ทรัพยากร ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ ไว้รองรับอย่างเพียงพอโดยมีการวางแผนรับมือแบบวันต่อวัน พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีข้อสั่งการไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศในการพิจารณาตั้งสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine :ASQ) อย่างน้อยคือจังหวัดละ 1 แห่ง โดยเป็นโรงแรมจับคู่กับรพ.เอกชน หรือจับคู่รพ.ของรัฐก็ได้ พร้อมทำการค้นหาเชิงลึกสม่ำเสมอ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าเปิดประเทศได้

          จากที่มีการหารือกันในกระทรวงสาธารณสุข วันนี้ในจำนวนคนที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย 120 คน จะพบว่ามีการติดเชื้อ 1 คน เราก็คำนวณจากตรงนี้ เทียบกับความพร้อมของเราเอง ก็พบว่าวันนี้เราสามารถรับคนเดินทางเข้าประเทศได้วันละ 1-20,000 คน และสามารถรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อได้จำนวนหนึ่ง วันละราวๆ 100 คน อย่างไรก็ตามศักยภาพสถานพยาบาลสามารถรับมือผู้ป่วยได้ภาพรวม กทม. 10,000 คน ต่างจังหวัด 10,000 คน

ข่าวทั้งหมด

X