รมว.พลังงาน เน้นจัดสรรงบฯ ฟื้นโควิด-19 ต้องรอบคอบ-รับระบาดรอบ2
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึง มาตรการต่างๆ ที่จะดูแลเศรษฐกิจของประเทศว่าจะต้องดูสถานการณ์เรื่องการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของโลกด้วย เนื่องจากการบริหารงานมีความไม่แน่นอน รวมทั้งต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดรอบ 2 ที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นต้องใช้ความรอบคอบในการพิจารณาและออกมาตรการต่างๆ ตอนนี้ก็เน้นไปที่การจ้างงาน สร้างงาน ปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) รวมทั้งหากสถานการณ์เปลี่ยนไปและมีปัจจัยที่ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการระบาดของโรคอีก ในตอนนั้นก็จะเทเม็ดเงินทั้งหมดลงไปได้
ต.ค.นี้ สศช.จะเสนอโครงการระยะที่ 2 ฟื้นศก.อีกประมาณ 100,000 ล้าน
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ในการบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ก็ต้องอาศัยเม็ดเงินจากหลายส่วนทั้งจากเงินกู้ตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท และเงินงบประมาณเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้
สำหรับวงเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 400,000 ล้านบาท ปัจจุบัน สศช.เสนอให้ ครม.อนุมัติกรอบวงเงินโครงการใน ระยะที่ 1 ไปแล้ววงเงิน 92,000 ล้านบาท ครม.อนุมัติโครงการไปแล้วในส่วนนี้ 43,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยอนุมัติโครงการในส่วนของเงินกู้ระยะที่ 1 อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ก่อนที่ สศช. จะเสนอโครงการในระยะที่ 2 อีกประมาณ 100,000 ล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในเดือน ต.ค.
การอนุมัติงบประมาณในส่วนของเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 400,000 ล้านบาท จะต้องทำด้วยความรอบคอบ และมีการทยอยอนุมัติโครงการแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยดูถึงสถานการณ์และความเสี่ยงที่อาจจะมีการระบาดระยะที่ 2 ซึ่งอาจจะต้องทำให้รัฐบาลปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรวมถึงการใช้เงินกู้ด้วย
เอกชน เสนอ ศบศ. 16 ก.ย. พักหนี้ให้ เอสเอ็มอี 2 ปี
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ในวันที่ 16 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส.อ.ท.เตรียมเสนอให้มีการขยายเวลาพักชำระหนี้แก่เอสเอ็มอีที่มีปัญหาหลังเกิดโควิด-19 เป็นเวลา 2 ปี เพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถประคองกิจการต่อไปได้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โควิด-19 ยังอยู่ทั่วทั้งโลก โดยรูปแบบการพักหนี้จะยืดหยุ่นจากเดิม ในช่วง 6 เดือนแรกของการพักหนี้ขอจ่ายดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10 และช่วง 1 ปีครึ่งขอพักหนี้ ส่วนดอกเบี้ยจะขอจ่ายเป็นขั้นบันได
นอกจากนี้ จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ทีมกรรมการบริหารชุดใหม่ทั้งหมด ประกอบไปด้วย 45 กลุ่มอุตสาหกรรม 9 สถาบัน และ ส.อ.ท. 74 จังหวัด เพื่อจัดเตรียมข้อเสนอต่อที่ประชุม ศบศ. เบื้องต้นจะมีประเด็นหลัก 4-5 เรื่อง ที่ ส.อ.ท.ต้องการผลักดันต่อ นอกจากเรื่องการขยายระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว จะมีข้อเสนอปรับหลักเกณฑ์การปล่อยกู้กองทุนซอฟต์โลน,การส่งเสริมให้เอกชนจัดตั้งกองทุนนวัตกรรม, การเร่งรัดการจัดจ้างโดยใช้ Made in Thailand ด้วยการประสานงานกับกรมบัญชีกลางแล้วเห็นด้วยที่จะให้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐใช้ผลิตภัณฑ์ของไทยโดยเฉพาะจากผู้ผลิตธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 โดยกำหนดราคาสินค้าให้สามารถมีส่วนต่างได้ร้อยละ 10 ซึ่งในส่วนนี้ ส.อ.ท.จะช่วยทำบัญชีรายชื่อ (Product List) ให้ เรื่องนี้รัฐบาลก็ตอบรับด้วยดี ภาคเอกชนจะขับเคลื่อนต่อ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ยังไม่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้ออกหลายแคมเปญเพื่อกระตุ้นให้คนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยังอยู่ในขั้นของการศึกษาพิจารณาถึงแนวทาง โดยต้องมีการหารือกับหลายภาคส่วนเพื่อเห็นชอบร่วมกัน ที่สำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่าเมื่อเปิดรับชาวต่างชาติแล้ว จะไม่ทำให้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 2
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า ขณะนี้ระบบการป้องกันโรคของไทยมีความเข้มแข็ง ระบบเฝ้าระวังมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อเปิดรับชาวต่างชาติ ก็จะต้องมีมาตรการคัดกรองที่สามารถสร้างความมั่นใจต่อประชาชนได้
รัฐบาล เตรียมตั้งคณะกก.พิเศษ แก้หนี้นอกระบบ ใช้เวลาแก้ไม่เกิน 1 สัปดาห์
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ครอบคลุม 5 ด้าน คือ การจัดการเจ้าหนี้นอกระบบ มีพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ซึ่งเพิ่มโทษกับเจ้าหนี้นอกระบบและเปิดช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบสามารถจดทะเบียนเป็นผู้ให้สินเชื่อในระบบได้ การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ลูกหนี้ สามารถร้องทุกข์และขอคำปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบได้ที่จุดให้คำปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา ซึ่งจะช่วยประสานคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบในทุกจังหวัด เพื่อช่วยเจรจาระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้
น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการพิเศษที่มีลักษณะเป็นการถาวร เพื่อรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนทั่วประเทศ ตั้งเป้าไว้ว่า ข้อร้องเรียนต่าง ๆ จะใช้เวลาแก้ปัญหาไม่เกิน 1 สัปดาห์ และในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะ คือ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.) มีภารกิจในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลหรือบุคคลที่ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย หรือมีลักษณะเป็นการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน
การจัดหาแหล่งเงินในระบบให้เมื่อไกล่เกลี่ยจนมูลหนี้เป็นธรรมแล้ว ซึ่งลูกหนี้สามารถที่จะขอสินเชื่อในระบบได้ โดยรัฐบาลได้สนับสนุนให้มีสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ (PICO Finance) ซึ่งเป็นสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง ฟื้นฟูศักยภาพลูกหนี้ สําหรับลูกหนี้ที่ยังมีความสามารถในการชําระหนี้ตํ่าเกินไป คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบในทุกจังหวัด จะช่วยฟื้นฟูอาชีพ ปลูกฝังความรู้และวินัยทางการเงิน ฝึกอบรมอาชีพ หรือพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และการสร้างภูมิคุ้มกัน ภาครัฐจะพัฒนาเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชนให้ทําหน้าที่ทดแทนเจ้าหนี้นอกระบบ หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน รวมทั้งจัดทําฐานข้อมูลหนี้นอกระบบ เพื่อใช้กําหนดนโยบายที่เหมาะสมและตรงเป้าหมายต่อไป