มติ ศบค.ชุดใหญ่ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน รับปลดล็อกเฟส 5-เปิดเทอม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อพิจารณาผ่อนปรนมาตรการ ระยะ 5 ได้แก่ สถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ อาบอบนวด รวมถึงการพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่ออีก 1 เดือน ตั้งแต่ 1-31 ก.ค. และการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้ต่ออายุใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ตลอดเดือน ก.ค.นี้ ตามที่ ศบค.ชุดเล็กได้มีการเสนอ เพื่อรองรับช่วงเปิดเทอมวันที่ 1 ก.ค.2563 และการผ่อนปรนมาตรการ ระยะที่ 5 กิจกรรมและกิจการเสี่ยง
CR:รัฐบาลไทย
นายกฯ มอบเงินช่วยบุคลากรทางการแพทย์ 88 คน เกือบ 3,000,000 บาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มอบเงินช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์ด้านเจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านสาธารณสุข ที่ได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติหน้าที่ในการป้องกัน แก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 88 คน จำนวน 2,980,000 บาท จากบัญชีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ปัญหา เช่น บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่ป่วยจากการปฎิบัติงาน และเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 4 ราย ซึ่งให้ความช่วยเหลือแก่ทายาท รายละ 100,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันทำให้สถานการณ์แพร่ระบาดดีขึ้นจนประเทศไทยได้รับการยกย่องจากนานาประเทศว่าเป็นประเทศที่ควบคุมและฟื้นฟูโควิด-19 ได้ดีมีศักยภาพอันดับ 2 ของโลก
ส่วนการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในวันนี้กิจการ-กิจกรรมใดที่จะผ่อนคลายได้ก็จะผ่อนคลายให้ แต่ขอให้ทุกคนเข้าใจถึงการแก้ไขปัญหา เพราะหากตัดสินใจเร็วเกินไป ปัญหาจะกลับมาใหม่ และขอให้ทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นด่านหน้าเสียสละอุทิศตน โดยไม่หวังผลประโยชน์ในการดูแลป้องกันควบคุมโควิด -19 อย่างเข้มแข็งจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
การมอบเงินในวันนี้คงจะทดแทนอะไรไม่ได้ แต่จะทำให้คนข้างหลังอยู่ได้ ขอให้ใช้เงินอย่างประหยัด เพราะเป็นเงินบริจาค ไม่ได้เอามาใช้ในนามรัฐบาล สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างประเทศไทย ให้เกิดสิ่งใหม่ๆว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน ยืนยันจะดูแลคนไทยทุกคน รวมถึงคนไทยในต่างประเทศด้วย ที่จะต้องหามาตรการที่เหมาะสมสำหรับรับคนไทยกลับมา
ไทย ทำดีคุมการระบาดในชุมชนได้ดี
องค์การอนามัยโลก(WHO) ร่วมกับสมาคม PEMANDU ที่ปรึกษาด้านการจัดการธุรกิจ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมของมาเลเซีย จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 จากทั้งหมด 184 ประเทศทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัวได้เร็วจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ผลการศึกษาจนถึงกลางเดือนมิ.ย.ทีมวิจัยมองว่าประเทศไทยมีชัยชนะในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดระลอกที่ 1 ของโรคโควิด-19 ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดในชุมชนให้อยู่ในวงจำกัดให้มากที่สุด และมีผู้เสียชีวิตน้อยเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทีมวิจัย พูดถึงทฤษฏีต่างๆ เช่น สภาพอากาศร้อน ความหลากหลายทางเชื้อชาติ รูปแบบวัฒนธรรมที่ไม่นิยมทักทายกันแบบสัมผัสมือ และสวมกอด แต่ใช้วิธีการไหว้แทน และการที่ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงเดือนมกราคม 2563 เนื่องจาก ช่วงนั้นประเทศไทย เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนอยู่ในระดับที่สูง และประสิทธิภาพของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การศึกษาครั้งนี้ คณะผู้วิจัยศึกษาด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล 2 ส่วนหลักๆคือ ตัวเลขผู้ป่วยทั้งหมดเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ และอัตราการเสียชีวิตเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ พร้อมทั้งศึกษาจากดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพ ที่พัฒนาโดย WHO มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ของสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลก
สัปดาห์นี้! เตรียมทดลองวัคซีนโควิด-19 ในลิง อีกครั้ง
ความคืบหน้าเรื่องวัคซีน นาย
กรมควบคุมโรค-กต. หารือหลักเกณฑ์ หลายชาติประสานขอเข้าประเทศ
นาย
กรณีแรงงานเมียนมาที่เดินทาง