เอ็กซิมแบงก์ เตือนภัยผู้ส่งออก ระวังโดนคู่ค้าชักดาบ
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เตือนผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่กำลังจะส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะต้องมีการศึกษาและบริหารความเสี่ยงให้ดี เพื่อป้องกันการถูกเบี้ยวชำระเงินจากคู่ค้าต่างประเทศ เนื่องจาก ขณะนี้ทั่วโลกได้ประเมินว่าผลจากกระทบจากโควิด-19 จะทำให้ธุรกิจทั่วโลกขาดทุนสูงถึง 108.5 ล้านล้านบาท และมีธุรกิจต้องประสบปัญหาล้มละลายเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20
การสำรวจผลกระทบของโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจทั่วโลก จากองค์กรรับประกันในประเทศสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย เริ่มเห็นสัญญาณการผิดนัดชำระเงินของผู้ซื้อจากหลายประเทศเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ.และสัญญาการผิดนัดน่าจะมีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ดังนั้นช่วงต่อจากนี้ผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ซึ่งมีอำนาจการต่อรองต่ำและเงินทุนหมุนเวียนไม่มาก ควรจะต้องทำประกันการส่งออกจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า หรือจ่ายเงินล่าช้า เพื่อลดความเสี่ยงให้ธุรกิจ
การรับประกันการส่งออกของเอ็กซิมแบงก์ใน 5 เดือนแรกของปี ตั้งแต่ ม.ค.-พ.ค.มีผู้ประกันการส่งออก แจ้งว่าได้รับชำระเงินล่าช้าเพิ่มถึงร้อยละ 195 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกค้างชำระกว่า 617 ล้านบาท และมีลูกค้ายื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนแล้ว 24 ราย มูลค่า 284.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 226 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากผู้ซื้อไม่ชำระเงินค่าสินค้าถึงร้อยละ 92 รองลงมาคือผู้ซื้อล้มละลายร้อยละ 8 ประเทศที่มีมูลค่ายื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนสูงสุดได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐฯ และฝรั่งเศส ส่วนประเภทสินค้าที่มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุดได้แก่ ข้าว อาหารกระป๋อง อัญมณีและเครื่องประดับ
ตลาดน้ำมัน กังวลข่าวล้มข้อตกลงทางการค้าสหรัฐฯ-จีน
ตลาดน้ำมันรู้สึกกังวลเรื่องที่นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าทำเนียบขาว สหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ตลาดฟื้นตัวกลับมาปิดลบในกรอบแคบๆ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เขียนบนทวิตเตอร์ ชี้แจงว่าข้อตกลงการค้ากับจีนยังคงสมบูรณ์ทุกประการและหวังว่าจีนจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลง
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 36 เซ็นต์ ปิดที่ 40.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 45 เซ็นต์ ปิดที่ 42.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำ ปิดสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี จากสถานการณ์ความตึงเครียดสหรัฐฯกับจีน และดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือบสิงหาคม เพิ่มขึ้น 15.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,782.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนบวก จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทำให้มีความหวังในการฟื้นตัว นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ ประจำเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.6 มากกว่าที่คาดการณ์ ขณะเดียวกันนายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกว่าร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับต่อไป จะเน้นไปที่การสร้างงาน และการขยายเวลายื่นแบบภาษีเพิ่มเติม
-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 131.14 จุด หรือร้อยละ 0.50 ปิดที่ 26,156.10 จุด
- เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.43 จุด หรือร้อยละ 0.43 ปิดที่ 3,131.29 จุด
- แนสแดค เพิ่มขึ้น 74.89 จุด หรือร้อยละ 0.74 ปิดที่ 10,131.37 จุด
นายกฯ ลงโทษคนสั่งรื้ออาคารบอมเบย์เบอร์มา สั่งสร้างคืนให้เหมือนเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การรื้ออาคารประวัติศาสตร์ บอมเบย์เบอร์มา อายุ 127 ปี ที่อยู่ในสวนรุกขชาติเชตวัน ต.ในเวียง อ.เมือง จ.แพร่ ว่าได้ลงโทษคนที่สั่งรื้ออาคารไปแล้ว ทุกอย่างจะต้องสร้างให้กลับคืนมาเหมือนเดิม การจะรื้อจะสร้างใหม่ จะต้องมีแบบแปลน ต้องได้รับการอนุมัติก่อนรื้อถอน จะต้องรักษาอาคารโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นการศึกษารากเหง้าของวัฒนธรรม แต่ต้องปรับตัวให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้น จะไปรื้อทิ้งทั้งหมดก็คงไม่ใช่
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายสมหวัง เรืองนิรัติศัย รองอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่สวนรุกขชาติเชตวัน ต.ในเวียง อ.เมืองแพร่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการทุบอาคาร
ศาลอุทธรณ์ นัดอ่านคำพิพากษาคดี นางจอมทรัพย์ ขอรื้อคดีใหม่ แต่ตร.จับได้ว่าปั้นพยานเท็จ
ศาลอุทธรณ์จังหวัดนครพนม นัดฟังคำพิพากษา คดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 58 ปี อดีตข้าราชการครู ยื่นอุทธรณ์หลังถูกดำเนินคดีปั้นพยานเท็จจากเหตุการณ์ขับรถชนคนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2548 ในพื้นที่ ต.พระซอง อ.เรณู จ.นครพนม จนถูกดำเนินคดีและศาลตัดสินจำคุกเมื่อปี 2554
คดีปั้นพยานเท็จ ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีใหม่ฐานความผิดรวม 4 ข้อหา คือ 1. แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน 2. ร่วมกันแจ้งเจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ 3. ร่วมเบิกความเท็จ และ 4. ซ่องโจร ดำเนินคดีเอาผิดนางจอมทรัพย์ กับพวก รวม 8 คน
คดีนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาตัดสินให้ 1.นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร จำคุก 8 ปี 2. นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนสนิท สั่งจำคุก 7 ปี 9 เดือน 3. นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ สั่งจำคุก 2 ปี 19 เดือน 4. นางทองเรศ วงศ์ศรีชา ทั้ง 2 คนเป็นพยานปากสำคัญที่เคยออกมายืนยันว่า นางจอมทรัพย์ ไม่ได้ขับรถชนคนตาย ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 12 เดือน 5. นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีนางจอมทรัพย์ ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน โดยทั้งหมดไม่รอลงอาญา ส่วนนายเสน่ห์ สุพรรณ นางรจนา จันทรัตน์ (เพื่อนนางจอมทรัพย์) และ นางวาสนา เพ็ชรทอง ซึ่งเป็นหลานสาว ศาลยกฟ้อง นอกจากนี้ ในการพิจารณาตัดสินคดี ศาลได้ยกฟ้อง ฐานความผิดซ่องโจร แก่จำเลยทั้งหมด ซึ่งวันนี้นางจอมทรัพย์ ต้องลุ้นว่าศาลอุทธรณ์จะตัดสินอย่างไร