หอการค้า เผย ท่วมใต้ทำศก.ไทยทรุด ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น รัฐควรเร่งออกมาตรการช่วยก่อนปีใหม่

วันนี้, 18:59น.


          นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน จากประชาชน 2,214 คนทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีฯ ทุกรายการปรับดีขึ้นต่อเนื่อง 2 หรือ 3 เดือนในรอบ 10 เดือน  โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม (CCI) ปรับขึ้นจากระดับ 51.9 ในเดือนก่อนหน้าเป็น 53.2 ความเชื่อมั่นฯ ในปัจจุบัน จากระดับ 35.3 เป็น 36.5 ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตจาก 60.1 เป็น  61.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำ  และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ระดับ 46.8 50.9 และ 61.9 จากระดับ 45.5 49.7 และ 60.6 ตามลำดับ



          นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อและท่องเที่ยว การส่งออกยังขยายตัวต่อเนื่อง ราคาน้ำมันทรงตัว ถือเป็นปัจจัยบวกในเดือนพฤศจิกายน แต่ดัชนีทุกรายการยังอยู่ระดับต่ำกว่าปกติ แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน แม้ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่มีผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม และค่าครองชีพยังทรงตัวสูง ประกอบกับเกิดสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง จากสงครามการค้า และความขัดแย้งชายแดนไทยกับกัมพูชา ยังเป็นปัจจัยลบ ที่เพิ่มความกังวลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจระยะถัดไป โอกาสฟื้นตัวจ้างงานใหม่ช้า หวั่นรายได้ในอนาคตไม่แน่นอน



          ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ในช่วงแกว่งตัว แต่มีสัญญาณจะดีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจากเข้าฤดูใช้จ่ายปีใหม่ รวมถึงความเร็ว และความชัดเจนของการเยียวยาช่วยเหลือประสบภัยน้ำท่วม และความต่อเนื่องโครงการคนละครึ่งพลัสเฟสสอง รวมถึงรวมถึงความชัดเจนทางการเมือง ซึ่งการยุบสภา เลือกตั้ง และจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่ได้เร็ว และอยู่ในกรอบทันใช้จ่ายงบประมาณปี 2570 รวมถึงก่อนยุบสภาได้มีการเตรียมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุญญากาศก่อนได้รัฐบาลใหม่ ภายใน 3-4 เดือนหลังยุบสภา ก็จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่น และการขยายตัวของเศรษฐกิจมากนัก



          พร้อมกันนี้ ได้สำรวจความเชื่อมั่นหอการค้าไทย พบว่า เดือนพฤศจิกายน ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยโดยรวมกลับมาลดลงอีกครั้ง หลังฟื้นตัวเดือนตุลาคม ดัชนีฯจาก 44.1 มาอยู่ที่ 44.0  ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าฯมองปัจจุบัน ยังลดลงต่อเนื่อง 9 เดือน จาก 39.2 เป็น 38.9 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าฯมองอนาคตปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเดือนที่สาม จาก 49.0 เป็น 49.1 เนื่องจากเห็นว่าปัจจับด้านลบในปัจจุบันยังสูง ทั้งสถานการณ์น้ำท่วมหนักในภาคใต้ กระทบต่อการทำการค้าและภาคเกษตรเสียหาย



          หน่วยงานต่างๆ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโตกว่า 2% จากปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังยืดเยื้อ ความไม่ชัดเจนรายละเอียดตามนโยบายภาษีทรัมป์ และราคาพืชเกษตรต่ำ ยังเป็นเรื่องกดดันความเชื่อมั่น อีกทั้งความกังวลรายภาคเพิ่มขึ้นและแตกต่างกัน ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหาว่างงาน ค่าครองชีพสูง การบริหารจัดการน้ำ ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะภาคเหนือกลับมาเป็นความกังวลอีกครั้ง แม้ท่วมจะหนักภาคใต้แต่ก็กระทบไปทุกภาคด้วย ด้วยมีผลต่ออารมณ์ใช้จ่ายและการท่องเที่ยวโดยรวม



           แม้ความเชื่อมั่นรายภาคจะปรับดีขึ้น ยกเว้นภาคใต้ที่เจอภัยท่วมทำให้ความเชื่อมั่นยังติดลบ คาดว่าหลังรัฐบาลเร่งช่วยเหลือและเคลียร์บ้านเรือน มีเงินเยียวยาได้เร็ว ภายใน 3 เดือนจากนี้ความเชื่อว่าน่าจะกลับมาดีขึ้น เดิมนั้นคาดหวังว่า เงินคนละครึ่งพลัสที่ลงในระบบเศรษฐกิจแล้ว 4 หมื่นล้านบาทจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็ว แต่เมื่อน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และใต้หนักสุด และเกิดความเสียหาย บรรทอนเงินควรรลงระบบที่ต่อยอดหายไป 2 หมื่นล้านบาท อีกทั้งพิจารณาจากเงินเฟ้อต่ำติดลบต่อเนื่อง 8 เดือน สะท้อนว่ากำลังซื้อคนไทยแผ่วมาก เศรษฐกิจยังซึมตัว จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ก่อนเข้าช่วงใช้จ่ายปีใหม่จะดีที่สุด



 



 



#ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค



Cr:ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ข่าวทั้งหมด

X