จากนโยบายของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในประเทศ ด้วยการสนับสนุนให้ผู้หญิงออกมาทำงานมากขึ้น แต่จากวิกฤตโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจถดถอยลงอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ผู้หญิงทำงานเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจาก มากกว่าครึ่งหนึ่งรับจ้างทำงานในลักษณะของงานพาร์ทไทม์ที่ไม่มีสัญญาว่าจ้าง ซึ่งในเดือนเมษายนมีผู้ที่ว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 970,000 คนเป็น 2,020,000 คน ขณะที่กลุ่มผู้หญิงที่มีงานประจำก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน
ศจ.มาริ มิอุระ จากมหาวิทยาลัยโซเฟีย เปิดเผยว่า อัตราของผู้หญิงทำงานที่ทำงานประจำคือ 1 ใน 5 ของผู้ชาย และเมื่อประสบวิกฤตเศรษฐกิจเนื่องจากโควิด-19 หลายคนถูกลดเงินเดือนลงครึ่งหนึ่ง
ส่วน ศจ.มิเอโกะ ทาเคโนบุ จากมหาวิทยาลัยวาโกะ ในกรุงโตเกียว กล่าวว่า ผู้หญิงถูกมองว่าทำงานเพื่อเสริมรายได้ให้กับผู้ชาย ดังนั้นแม้ว่าพวกเธอจะตกงาน แต่ก็ยังถูกมองว่า ไม่มีความเสียหาย เพราะผู้ชายยังเป็นคนทำงานหารายได้หลัก ซึ่งผิดจากความเป็นจริงของสังคมในปัจจุบัน
ซึ่งจากการที่นายกรัฐมนตรีอาเบะ กล่าวว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจอาจต้องใช้เวลาอีกระยะ นางนาโอโกะ โมจิ ผู้ก่อตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กเพื่อหญิงโสดที่มีการทำงานที่ไม่มีความถาวร (Facebook group for single women with non-permanent jobs) กล่าวว่า จะมีผู้ที่ถูกเลิกจ้างเพิ่มขึ้นอีก
...