ความกังวลการระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดเมื่อคืนนี้ร่วงลงแรง
-ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 1,861.82 จุด หรือร้อยละ 6.90 ปิดที่ 25,128.17 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 188.04 จุด หรือร้อยละ 5.89 ปิดที่ 3,002.10 จุด
-แนสแดค ลดลง 527.62 จุด หรือร้อยละ 5.27 ปิดที่ 9,492.73 จุด
หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค.หรือช่วงที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯเมื่อเวลา 08.00 น.อยู่ที่ 2,021,990 คน เสียชีวิต 113,783 ราย
ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพโลก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เตือนว่า ถ้าไม่มีมาตรการคุมเข้มจริงจัง ภายในเดือนก.ย.ผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ราย สหรัฐฯเป็นประเทศใหญ่เพียงประเทศเดียวที่ปลดล็อกทั้งที่ยังไม่สามารถทำให้อัตราการขยายตัวของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ คือ การตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต้องอยู่ในระดับร้อยละ 5 หรือต่ำกว่านั้น ติดต่อกันอย่างน้อย 14 วัน
ดร. เอริค โทเนอร์ นักวิจัยจากศูนย์เพื่อความมั่นคงสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอบกินส์ เตือนว่า กำลังมีการระบาดรอบใหม่ในหลายพื้นที่ของประเทศ
นอกจากนี้ตลาดหุ้น ถูกกดดันจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะลดลงหนักถึงร้อยละ 6.5 ขณะที่ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เตือนว่า เส้นทางการฟื้นตัวยังอยู่อีกยาวไกล
สองปัจจัยหลักดังกล่าว ทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงแรงทำสถิติปิดลบวันเดียวมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 3.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 3.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 38.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำ พุ่งแรง ปิดสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ความกังวลเรื่องการระบาดรอบ 2 ทำให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 19.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,739.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
CR:World Economic Forum