สิ้น 'ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ' วัย72ปี จากมะเร็งกล่องเสียง

11 มิถุนายน 2563, 22:01น.


          นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 72 ปี จากโรคมะเร็งกล่องเสียง เมื่อเวลา 19.10 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช นายไกรศักดิ์ เป็นบุตรชายคนเดียวของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี และ ท่านผู้หญิง บุญเรือน ชุณหะวัณ เกิดเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2490 จบปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2517 และปริญญาโทศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา (การเมือง) จาก วิทยาลัยบูรพศึกษาและอาฟริกาศึกษา มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อปี 2520



          นอกจากนี้ ในเฟซบุ๊กของ ธิษะณา ชุณหะวัณ บุตรสาวของนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ได้โพสต์ข้อความแจ้งข่าวการจากไปของคุณพ่อ โดยระบุว่า "คุณพ่อ Kraisak Choonhavan ได้จากโลกนี้ไปแล้ววันที่ 11 มิถุนายน 2563 เวลา 19.10 น. หนูภูมิใจที่สุดที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เกิดเป็นลูกพ่อทุกชาติไป"



          หลังจบการศึกษา นายไกรศักดิ์ กลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเป็นนักวิชาการอิสระที่ได้ชื่อว่าค่อนข้างเอียงซ้าย แต่เมื่อพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ.2532 ก็ได้ลาออกจากราชการมาเป็นคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมกับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย และนายพันศักดิ์ วิญญูรัตน์ หลังจากนั้น จึงหันมาทำงานพัฒนาการเมือง และสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อปี พ.ศ. 2543



         บทบาททางการเมือง ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ) พ.ศ. 2532 เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย ในการประชุมเพื่อแก้ปัญหากรณีพิพาทในประเทศกัมพูชา ร่วมเจรจาสันติภาพในประเทศกัมพูชา, ลาว, เวียดนาม ผลักดันนโยบายแปรสนามรบเป็นสนามการค้า ผลักดันให้มีการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ร่วมเจรจาแก้ไขมาตรการกีดกันทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา (มาตรา 301) และร่วมเจรจาและผลักดันให้มีการก่อตั้งเอเปค (APEC)



          ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ตลอดระยะเวลา 6 ปี (พ.ศ. 2543-2549) ติดตามตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลชวน และรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ตลอดระยะเวลา 6 ปี



          หลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธิ์ จุลานนท์ มีมติเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 แต่งตั้งนายไกรศักดิ์ เป็นกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) หรือ Office of Knowledge Management and Development (OKMD)



         นายไกรศักดิ์ มีบทบาทในการผลักดันให้รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ รื้อฟื้นคดีฆ่าตัดตอน 2,500 ราย ที่เกิดขึ้นในระหว่างการประกาศทำสงครามยาเสพติด ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งคลี่คลายคดีฆ่าตัดตอนซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ต่อมาได้รับแต่งตั้งจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2550 เป็นกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน (คตน.) เพื่อตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นำไปสู่การฆ่าตัดตอน 2,500 ราย โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่ตรวจสอบ สอบสวน ศึกษาและวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์ของประชาชน รวมทั้งกำหนดมาตรการแก้ไข และเยียวยาผู้เสียหายจากมาตรการดังกล่าว



         ปี พ.ศ. 2550 นายไกรศักดิ์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับเพื่อน ส.ว.อิสระทางภาคอีสานหลายคน เช่น พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ อดีต ส.ว.นครสวรรค์, นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.นครราชสีมา เป็นต้น เพื่อลงรับสมัครเลือกตั้งปลายเดือนธันวาคม 2550 ในฐานะขุนพลภาคอีสานของพรรคประชาธิปัตย์



          ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นายไกรศักดิ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ระบบสัดส่วน เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ในลำดับที่ 1 และสามารถชนะการเลือกตั้ง ภายหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และมีการจัดตั้งรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเงา หรือ ครม.เงาขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 และ นายไกรศักดิ์ ได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรค ให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เงา



         เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามข้อบังคับพรรค และ นายไกรศักดิ์ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



ประสบการณ์การทำงาน




  • พ.ศ. 2520 ถึง 2536 : เป็นอาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิชาการเมืองการปกครองของสหภาพโซเวียต, รัฐศาสตร์เบื้องต้น, ประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์การเมืองในประเทศเอเชียอาคเนย์ , การเมืองการปกครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน, การเมืองการปกครองของประเทศเอเชียอาคเนย์ และการเมืองการปกครองของไทย นอกจากนี้ ยังเป็นอาจารย์พิเศษปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร


  • พ.ศ. 2532 ถึง 2534 : ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สมัยพล.อ.ชาติชาย ด้านนโยบายการต่างประเทศ เป็นผู้ผลักดันนโยบายด้านต่างประเทศที่สำคัญ ๆ ในรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย เช่น การเจรจาสันติภาพในประเทศกัมพูชา , นโยบาย “แปรสนามรบ ให้เป็นสนามการค้า” ,ผลักดันให้มีการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ทั้งสองแห่ง เจรจาแก้ไขมาตรการกีดกันทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา (มาตรา301) ร่วมเจรจาและผลักดันให้มีการก่อตั้งเอเปก (APEC)


  • พ.ศ. 2539 ถึง 2542: ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมัยนายพิจิตต รัตตกุล ด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม


  • พ.ศ. 2543 ถึง 2549:ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครราชสีมา และ ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา


  • พ.ศ. 2547 ถึง 2549:รองประธานกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อพม่า Asean Inter-Parliamentary Myanmar Caucus หรือ AIPMC


  • พ.ศ. 2552 ถึง 2553: ประธานกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อพม่า Asean Inter-Parliamentary Myanmar Caucus หรือ AIPMC


  • พ.ศ. 2550 :กรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (OKMD) , ที่ปรึกษาคณะกรรมการหอศิลป์ กทม., กรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน (คตน.)


  • พ.ศ. 2551 ถึง 2554 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, ประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร


  • ปัจจุบัน :ประธานมูลนิธิพล.อ.ชาติชาย ประธานมูลนิธิเพื่อนป่า (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น มูลนิธิฟรีแลนด์) , ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร



ข้อมูล วิกิพีเดีย 



 

ข่าวทั้งหมด

X