สธ.เผย 2 ผลสำรวจผ่อนคลายโควิด-19คนออกนอกบ้านมากขึ้น แต่กลับมาสวมหน้ากากอนามัยมากขึ้น หลังผ่อนคลายระยะที่ 3

11 มิถุนายน 2563, 18:44น.


          กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมประชาชนในช่วงโรคโควิด-19 จำนวน 2 ผลการสำรวจ คือ



-การสำรวจเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน สำรวจระหว่างวันที่ 8 พ.ค. - 4 มิ.ย. โดย สธ.ร่วมกับองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ



-ผลการสำรวจทัศนคติความเห็นของประชาชน โดยดีดีซีโพล กรมควบคุมโรค



          ภญ.วลัยพร พัชรนฤมล ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) สธ. กล่าวว่า การสำรวจการป้องกันโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน เก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามใน Google Form โดยให้ อสม.จังหวัดต่างๆ เคาะประตูบ้านให้ช่วยตอบแบบสอบถาม ตั้งเป้าหมาย 550 รายต่อจังหวัดต่อสัปดาห์ ได้ผู้ตอบแบบสอบถาม 143,827 ราย สำรวจออนไลน์ 69,489 ราย และนักศึกษาแพทย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี โทรศัพท์สัมภาษณ์ 1,882 ราย พบว่า พฤติกรรมป้องกันตนเองอยู่ในระดับที่ดี ประกอบด้วย การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ไม่จับหน้าตาตัวเอง แต่เมื่อรัฐบาลผ่อนปรน พฤติกรรมที่ดีก็ตกลงมา เมื่อผ่อนปรนระยะที่ 2 ก็ได้กระตุ้นเตือน ทำให้พฤติกรรมดีขึ้น โดยพฤติกรรมใส่หน้ากากอนามัยดีที่สุด ราวร้อยละ 90



          ส่วนการเดินทางออกนอกจังหวัด พบว่า ร้อยละ 20 เดินทางออกนอกจังหวัด และมีแนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุคือไปทำงานหรือมีธุระจำเป็น ส่วนรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานที่ที่ออกไป คือ ออกไปทำงาน ตลาดสด ซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร และ ศาสนสถาน ซึ่งแต่ละสถานที่มีการจัดมาตรการป้องกันแต่ทำได้ไม่เต็มที่ เช่น เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยของพนักงาน-ผู้ไปรับบริการ การจัดเจลล้างมือยังไม่เต็มที่  การจัดระยะห่างยังทำได้น้อย



          ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะไม่มาก มาตรการป้องกันของขนส่งสาธารณะ ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าไม่มากเท่าไหร่ ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง เมื่อถามว่าต้องการให้เปิดเส้นทางการบินระหว่างประเทศหรือไม่ พบว่า ในเดือน มิ.ย.-ก.ย.ยังไม่ให้เปิด แต่ช่วง ต.ค.มีครึ่งหนึ่งเห็นด้วยให้เปิดเดินทางระหว่างประเทศ ส่วนการเข้าประเทศทั้งด่านบก น้ำ อากาศ พบว่า น้อยกว่าร้อยละ1 ที่คิดว่าควรให้คนไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องคัดกรองกักตัว 14 วัน สะท้อนว่า  คนไทยยังคิดว่าใครเข้ามาควรคัดกรองเข้มข้นและกักตัว 14 วัน และมากกว่าร้อยละ 60 เห็นว่าไม่ควรอนุญาตต่างชาติเข้าประเทศใน พ.ค.-มิ.ย.



          นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การสำรวจในพื้นที่ 25 จังหวัด 4 ครั้ง  ครั้งละ 3,500 คน ช่วง 7 ก.พ. - 19 เม.ย. และปรับมาเป็นสำรวจทางออนไลน์ 8 ครั้ง ตั้งแต่ 12 เม.ย. - 6 มิ.ย. ซึ่งครอบคลุม ในช่วงที่มีการผ่อนปรนระยะที่ 1, 2 และ 3 โดยพบว่าเมื่อถามถึงการสวมหน้ากากอนามัย เวลามีไข้ ไอ เจ็บคอหรือไม่ พบว่า สวมหน้ากากอนามัยอยู่ที่ร้อยละ90 ขึ้นไป แต่มีช่วงหนึ่งคือ การสำรวจออนไลน์ครั้งที่ 2-4 ยอดสวมหน้ากากอนามัยลดลงเหลือร้อยละ82.9ร้อยละ76.1ร้อยละ 74.6 ซึ่งเป็นช่วงผ่อนคลายครั้งที่ 1 แต่กลับมามากกว่าร้อยละ 90 ในช่วงผ่อนคลายระยะที่ 2 และ 3 ส่วนเวลาไม่มีไข้ ไอ เจ็บคอ สวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ พบว่า สัดส่วนร้อยละน้อยกว่าการสวมเมื่อมีอาการ ส่วนการจะเลิกสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไร พบว่า ประชาชนจะสวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง ร้อยละ 53.5 หมายความว่าแม้โรคน้อยลงก็จะสวมหน้ากากอนามัยต่อไป รองลงมาคือ เมื่อไม่มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19ในประเทศ ร้อยละ 44.4 ขณะที่การล้างมือด้วยสบู่และน้ำเวลาใด พบว่าให้ความร่วมมือล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหารมากที่สุด ระดับร้อยละ 80-90

          นพ.อนุพงศ์กล่าวว่า หากพิจารณาเฉพาะการสำรวจออนไลน์ครั้งที่ 8 วันที่ 1-6 มิ.ย.ซึ่งเป็นช่วงการผ่อนปรนระยะที่ 3 จำนวน 1,287 ตัวอย่าง พบว่าการสวมหน้ากากอนามัย สวมเกินร้อยละ 90  ในทุกกลุ่มอายุ ยกเว้นช่วงอายุ 15-24 ปี ที่สวมเพียงร้อยละ 79  

ข่าวทั้งหมด

X