การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่องในแถบลาตินอเมริกา ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในลาตินอเมริกาทะลุ 70,000 ราย แล้ว นำโดยบราซิล เม็กซิโก และเปรู ในปัจจุบัน ทวีปอเมริกา ทั้งอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ยังคงเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโลก ตัวเลขผู้เสียชีวิตคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งจากจำนวนผู้เสียชีวิต 412,926 ราย และมีผู้ป่วยทั่วโลกสะสม 7.3 ล้านคน
บราซิล เป็นประเทศในลาตินอเมริกา ที่มีผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 1,274 ราย ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 39,680 ราย หรือกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขผู้เสียชีวิตในลาตินอเมริกา แม้ว่าบราซิลจะพบการระบาดและผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่เมื่อวานนี้ เมืองเซาเปาโล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจของประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เปิดระบบคมนาคม และในวันนี้จะเปิดห้างร้าน
ส่วนประเทศในลาตินอเมริกา ที่มีผู้เสียชีวิตรองลงมา คือ เม็กซิโก มีผู้เสียชีวิต 15,357 ราย และเปรู เสียชีวิต 6,000 ราย
รอยเตอร์ ระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ของหลายประเทศทั่วโลกในช่วง 2 เดือนก่อน ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างรุนแรง
ส่วนในฝั่งยุโรป หลายประเทศในยุโรป วางแผนจะเปิดชายแดน อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าเมืองได้ตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่ กรีซ ที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก จะเปิดน่านฟ้าตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.นี้ อนุญาตให้เครื่องบินโดยสารจากกรีซสามารถบินไปยังกลุ่มประเทศนอกกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) เช่น ออสเตรเลีย จีน และ เกาหลีใต้
Cr: Reuters,Rappler