ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2563

11 มิถุนายน 2563, 06:59น.


พายุฝนพัดกระหน่ำจีน ส่วนที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เมฆหมอกหนาทึบ



           หลายพื้นที่ในประเทศจีนถูกพายุฝนพัดกระหน่ำ ทำให้บ้านเรือนกว่า 1,000 หลังคาเรือนเสียหาย มีรายงานผู้เสียชีวิต 6 รายในมณฑลกว่างสีจ้วง ทางตอนใต้ของประเทศ การตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมและคาดว่าจะมีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 2,000,000 คน  



          ส่วนที่ออสเตรเลีย ทั่วทั้งนครซิดนีย์ เมืองที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างซิดนีย์ทาวเวอร์ เห็นเพียงยอดของอาคาร นอกจากนี้ยังมีฝนตกลงมาด้วย ในขณะที่ชาวออสเตรเลียเริ่มกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน 7,274 คน เสียชีวิต 102 ราย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ประชาชนรักษาระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงการชุมนุมของคนจำนวนมาก รักษาความสะอาด หากมีอาการป่วยให้พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน



เฟด ยืนยันคงดอกเบี้ย 0 % จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว



           ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับศูนย์ จนกว่าจะมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เมื่อเดือน มี.ค.ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับร้อยละ 0



          ผลการประชุมวันที่ 9-10 มิ.ย. คาดหมายว่าในปีนี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะหดตัวลงร้อยละ 6.5 ตัวเลขคนตกงานลดลงจากระดับร้อยละ 13.3 มาที่ร้อยละ 9.3



          นอกจากคงอัตราดอกเบี้ยแล้ว เฟดให้ความสำคัญเรื่องการอัดฉีดเงินล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้ความมั่นใจว่าประชาชนและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงระบบสินเชื่อได้

         เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เฟด ขยายโครงการ Main Street Lending Program ปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการจ้างงานไม่เกิน 15,000 คน และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ เฟดได้เพิ่มความหลากหลายของประเภทเงินกู้ โดยได้แยกเงินกู้ออกเป็น 3 ประเภท คือ New, Priority และ Expanded โดยเงินกู้แบบ New และ Priority จะมีวงเงินกู้ขั้นต่ำ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ Expanded จะมีวงเงินกู้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ



รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ย้ำหากไม่เปิดเมือง เศรษฐกิจฟุบถาวร



         แม้ว่าสหรัฐฯจะเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจากโรคโควิด-19 และผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของโลก ประกอบกับคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่กังวลถึงยอดผู้ติดเชื้อที่อาจจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ผู้ว่าการรัฐได้ทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์ จนถึงขณะนี้ ทั้ง 50 รัฐในสหรัฐฯกลับมาเปิดเศรษฐกิจและอนุญาตให้ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจว่า ถ้าหากเราปฎิบัติอย่างรอบคอบ ไม่คิดว่าจะมีความเสี่ยงมาก แต่จะมีความเสี่ยงมากกว่าถ้าหากไม่เปิดเลย จะทำให้เศรษฐกิจเสียหายอย่างถาวร เนื่องจาก ตัวเลขเดือนเม.ย. ชาวอเมริกันตกงานสูงถึง 20.5 ล้านตำแหน่ง



-24 เม.ย.รัฐจอร์เจีย ประเดิมเป็นรัฐแรกที่ผลักดันแผนผ่อนคลายล็อกดาวน์ หลังเกิดการประท้วงอย่างหนัก อนุญาตให้ธุรกิจขนาดเล็กเปิดทำการได้ เช่น ร้านสัก สปา ร้านทำผม หรือร้านตัดผม



-ตามมาด้วยรัฐอลาสกา รัฐเซาท์แคโรไลนา รัฐเทนเนสซี และรัฐเท็กซัส ทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์ในสัปดาห์ถัดมา ย้ำว่าร้านค้า ต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด



-รัฐที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคโควิด-19 เช่น นครนิวยอร์ก เปิดเศรษฐกิจเฟสแรกเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.อนุญาตให้สถานที่ก่อสร้างกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง พร้อมกับภาคการผลิต ค้าส่ง แต่ยังไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารภายในร้านได้



-ส่วนรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทยอยเปิดเศรษฐกิจเฟสแรกตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. และเตรียมพร้อมเข้าสู่เฟส 2 ในวันจันทร์ที่ 15 มิ.ย. จะอนุญาตให้ร้านอาหาร เปิดทำการได้เพียงพื้นที่ภายนอกร้านเท่านั้น



อิตาลี ชูโครงการฟื้นฟูเมือง Renaissance Program



          อิตาลี ที่เคยถูกขนานนามว่าอู่ฮั่นแห่งยุโรป เริ่มต้นฟื้นเมือง หลังจากปิดประเทศมานานกว่า 2 เดือน



-4 พ.ค. เริ่มปลดล็อกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เนื่องจากยอดผู้ติดโรคโควิด-19 ทรงตัว



-18 พ.ค. อิตาลีเข้าสู่มาตรการคลายล็อกดาวน์เฟส 2 อนุญาตให้เปิดร้านอาหาร บาร์ ร้านกาแฟ และร้านตัดผม แต่ยังไม่อนุญาตให้มีการรวมตัวของกลุ่มคนขนาดใหญ่ ส่วนผู้ที่โดยสารรถไฟ จะต้องสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ และอยู่ห่างจากผู้โดยสารคนอื่นอย่างน้อย 1 เมตร



-สำหรับเมืองแบร์กาโม แคว้นลอมบาร์เดีย พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดหนักที่สุด นายจีออร์จิโอ กอรี นายกเทศมนตรีเมืองแบร์กาโม ชูโครงการฟื้นฟูเมือง หรือ "Renaissance Program" ที่มุ่งสร้างกองทุนฟื้นฟูพิเศษเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ลำบาก ส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรม และสนับสนุนเงินให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจท้องถิ่น



ฝรั่งเศส จะยุติการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ยังห้ามเดินทาง-รวมตัวในที่สาธารณะ

          สำนักนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส แถลงว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 อยู่ในระดับที่ดีขึ้น จากที่ในช่วงแรกจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับที่สามในยุโรป รองจากสหราชอาณาจักรและอิตาลี ล่าสุดจำนวนผู้ป่วยหนักมีไม่ถึง 1,000 คน เป็นครั้งแรกนับจากวันที่ 19 มี.ค. ทำให้รัฐบาลทยอยยกเลิกมาตรการปิดเมืองตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ร้านค้า รีสอร์ท และสถานที่ท่องเที่ยวทยอยเปิดรับคนอีกครั้ง ทำให้รัฐบาลเตรียมยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพในวันที่ 10 ก.ค.แต่ยังขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ทำงานที่บ้าน และยังจำกัดการเดินทางและการรวมตัวในที่สาธารณะต่อไปอีก 4 เดือน



CR:Xinhua 



วิน จยย.อินโดฯ สวมแผ่นพลาสติกกั้นผู้โดยสาร ป้องกันฝอยละออง



         การเดินทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาจราจรติดขัดในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียคือรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่มีการให้บริการรับส่งผู้โดยสารหลายพันคัน แต่ช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ รถจักรยานยนต์รับจ้างได้รับอนุญาตให้รับส่งได้เฉพาะพัสดุและสินค้าเท่านั้น ทำให้รายได้ลดลง แต่ขณะนี้ทางการอินโดนีเซีย ได้ผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดลงมาบ้างแล้ว ทำให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สามารถรับส่งผู้โดยสารได้เหมือนเดิม แต่เพื่อความแน่ใจในการดูแลและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จึงได้สวมแผ่นพลาสติกใสใส่ไว้ด้านหลัง เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการติดเชื้อ ทำให้ไม่ต้องสัมผัสติดต่อกับผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลัง หากผู้ขับขี่มีอาการไอหรือจาม ละอองฝอยจะไม่กระจายไปถึงด้านหลัง และในทางกลับกัน หากผู้โดยสารไอหรือจาม ละอองฝอยก็จะไม่ฟุ้งกระจายมาถึงด้านหน้าด้วย



 

ข่าวทั้งหมด

X