ตำรวจ ยันมีหลักฐานมัดแน่น “ลุงบุญช่วย” ผู้ต้องหาฮุบที่ดินธรณีสงฆ์ 3,800 ไร่
หลังจากที่ชุดหนุมาน กองปราบปราม บุกจับนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี และนายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี ลูกชาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาเบิกความเท็จต่อศาล ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ และร่วมกันยักยอกทรัพย์ที่ดินในพื้นที่ ต.พลวง และ ต.ตะเคียนทอง อ.เขาคิชฌกูฏ และบางส่วนใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี รวม 3,800 ไร่ ของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การปฏิเสธ รายงานจากชุดจับกุม ระบุว่า ในการตรวจค้นที่บ้านพักไม่พบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน แต่ในทางคดี ทราบอยู่แล้วว่าผู้ต้องหาไม่มีเอกสารซื้อขายแต่เป็นการสร้างหลักฐานเท็จโดยฟ้องศาลเพื่อให้ได้เอกสาร น.ส.3 เป็นของตนเองและโอนชื่อเป็นตนเองในปี 2553 ยอมรับว่าในการสร้างหลักฐานเท็จต้องมีคนร่วมกระทำผิดมากกว่า 2 ราย แต่บางคดีก็หมดอายุความไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หนักใจเพราะมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของมูลนิธิฯจริง
ทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เตรียมยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวในชั้นสอบสวนแต่พนักงานสอบสวนค้านประกันและเตรียมคุมตัวไปยื่นขอฝากขัง ผัดแรก ไม่เกินวันที่ 11 มิ.ย.เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
การจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน เกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 ตัวแทนมูลนิธิฯ แจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับนายบุญช่วย ซึ่งเป็นน้องชายของพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ อดีตประธานมูลนิธิฯ จากการตรวจสอบที่ดินอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) มีนายสมพล โกศลานันท์ เป็นผู้ครอบครอง
-ปี 2513-2515 พระกิตติวุฑโฒ ก่อตั้งมูลนิธิฯ พร้อมเปิดรับบริจาคเงินซื้อที่ดินจากนายสมพลเพื่อนำมาใช้ปฏิบัติกิจกรรมของพระสงฆ์ในราคา 12 ล้านบาท แต่จ่ายเงินไปเพียง 8,000,000 บาท ที่เหลืออีก 4,000,000 บาทยังไม่ได้ชำระ แต่นายสมพลเห็นว่าจะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ทางศาสนาจึงมอบที่ดินให้ไปใช้ประโยชน์ก่อน จากนั้นพระกิตติวุฑโฒ มอบหมายให้นายบุญช่วยเป็นผู้ดูแลที่ดินแต่เมื่อพระกิตติวุฑโฒ มรณภาพเมื่อปี 2548 นายบุญช่วยและนายกิตติพงษ์ก็เริ่มวางแผนฮุบที่ดินเป็นของตนเอง
-ปี 2550 นายบุญช่วย ยื่นเรื่องฟ้องร้องนายเรวัฒิ โกศลานันท์ ลูกชายของนายสมพล ในฐานะเป็นผู้รับมรดกเพื่อให้โอนที่ดินมาเป็นของตัวเอง ซึ่งมีนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความเป็นทีมว่าความให้จนศาลจังหวัดจันทบุรี พิพากษาให้ทายาทนายสมพลโอนที่ดินดังกล่าวไปเป็นชื่อนายบุญช่วย ตามร้องขอ
-ต่อมาปี 2554-2555 นายบุญช่วยไปยื่นขอเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดเพื่อทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น
-ระหว่างนั้น น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท และ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ สามี ซึ่งเป็นอดีตรองจเรตำรวจ ทายาทรุ่นหลานของนายสมพล เห็นความผิดปกติและไม่พอใจเพราะเห็นว่าที่ดินถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เดิม จึงฟ้องร้องดำเนินคดีหลายคดี ฝ่ายทายาทนายสมพล แพ้คดีมาตลอดและข้อพิพาทยังบานปลายทำให้ พล.ต.ต.ธารินทร์ ตัดสินใจใช้อาวุธปืน กราดยิงในศาล เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2562
เมื่อวานนี้ น.ส.เขมจิรา เดินทางไปที่กองปราบปราม พร้อมกล่าวว่า หลังจากต่อสู้คดีมาหลายสิบปี เมื่อนายบุญช่วยกับลูกชายถูกจับ จึงมารอพบเพราะอยากให้พวกเขายอมรับความจริง และการเสียชีวิตของ พล.ต.ต.ธารินทร์ ไม่สูญเปล่า
เตือน! อย่าหลงเชื่อ สาวโพสต์ อ้างเป็นพยาบาลหลอกโอนเงิน
ภาพหญิงสาวรายหนึ่งอ้างตัวเป็นพยาบาลวิชาชีพ โพสต์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอขณะสวมใส่เครื่องแบบพยาบาลเผยแพร่ลงในเครือข่ายออนไลน์ มีพฤติกรรมแอบอ้าง หลอกคบตำรวจ-ทหาร หวังหลอกเอาเงิน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการ ตาม ป.อาญา มาตรา 145 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ห้ามผู้ซึ่งไม่ได้ประกอบวิชาชีพพยาบาล หรือมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ หรือมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ กระทำการพยาบาลหรือการผดุงครรภ์ หรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิ์ประกอบอาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ.2528 มาตรา 27 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในส่วนประเด็นที่มีการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งเพื่อทรัพย์สินของผู้ถูกหลอก อันเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง เบื้องต้น ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องดังกล่าว หากมีผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุหรือใกล้บ้านเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ระวัง!หนุ่มอังกฤษ อ้างทำอาชีพนักบิน แอดเฟซบุ๊กมาจีบสาวอุดรฯ หลอกให้โอนเงิน
เพจเฟซบุ๊ก ของ สภ.ไชยวาน จังหวัดอุดรธานี โพสต์เรื่องการแจ้งเตือนสาวไทย ที่อยากมีสามีเป็นชาวต่างชาติ เพื่อหวังจะได้มีฐานะที่ดีขึ้น แต่ต้องระวังจะโดนหลอกว่า ได้รับแจ้งจากสาวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งว่า มีคนที่ไม่เคยรู้จักทางเฟซบุ๊กรายหนึ่งเป็นชาวต่างชาติขอแอดมาเป็นเพื่อนเมื่อประมาณกลางเดือนพ.ค. 2563 เมื่อรับแอดเป็นเพื่อนกันแล้ว ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นนักบินของสายการบินหนึ่งของประเทศอังกฤษ เงินเดือนสูงมาก คุยกันอยู่ประมาณ 3-4 วัน ก็ขอแต่งงาน จากนั้นบอกว่าอยากซื้อของให้มีมูลค่าเป็นหลักแสนบาท พร้อมกับขอชื่อที่อยู่เบอร์โทรที่ประเทศไทย แต่รู้สึกผิดสังเกตว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพ เนื่องจากเมื่อของมาถึงแล้ว แต่คนส่งของบอกว่าจะขอเก็บเงินค่าส่งของปลายทาง 24,000 บาทก่อน และบริษัทรับส่งของ ระบุว่า ต้องโอนเงินก่อนถึงจะเปิดดูของได้ ทำให้หญิงคนนี้ไม่รับของและบล็อกทุกอย่าง โชคดีที่หญิงคนที่ให้ข้อมูลไหวตัวทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อ ลักษณะแบบนี้คล้ายกับพฤติกรรมการหลอกลวงที่เรียกกันว่า “โรแมนซ์สแกรม” หรือ “หลอกให้รักออนไลน์”