ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เร่งพัฒนาวัคซีน รับมือโควิด-19 ตรวจหาเชิงรุกได้ผลน่าพอใจ
การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า มีความก้าวหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยพบวัคซีนต้นแบบ บางตัวมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดี แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีน จนสามารถนำไปใช้ป้องกันโรคได้ ขณะนี้ กรมฯ ได้ทดสอบต้นแบบวัคซีนของโรงพยาบาลจุฬาฯ หลายอันพบว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดี โดยได้นำตัวอย่างวัคซีนดังกล่าว มาเจือจางแล้ว 500 เท่า ยังสามารถป้องกันโรคได้ สร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ซึ่งจะนำไปฉีดในสัตว์ทดลองหรือในคนต่อไป จะใช้ได้เมื่อใดคงบอกได้ยาก บางครั้งต้องอาศัยจังหวะว่าี วัคซีนที่เตรียมไว้ กระตุ้นภูมิคุ้นกันได้หรือไม่
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เทคโนโลยีในการพัฒนาวัคซีนในประเทศไทยนั้นมีศักยภาพเพียงพอ ไม่เป็นรองใคร เพียงแต่ไม่สามารถดำเนินการได้หน่วยงานเดียวอย่างครบวงจร ดังนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการค้นหาผู้ป่วยโรคโควิด-19 เชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง ด้วยการตรวจจากน้ำลายส่วนลึกในลำคอ นำร่องเขตสุขภาพที่ 4 และ 5 จากกลุ่มเสี่ยงและชุมชนแออัด เช่น กลุ่มแรงงานต่างด้าว กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า กลุ่มผู้ขับรถรับจ้างและขนส่งสาธารณะ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น รวม 6,380 ตัวอย่าง พบผลบวก 1 ตัวอย่าง และผลลบ 6,379 ตัวอย่าง ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยสนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่าการระบาดในประเทศไทยมีอัตราที่ต่ำมาก เนื่องจากไม่พบการระบาดในชุมชน ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ที่พบนั้น ล้วนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น
ผลการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงนี้ทำให้ได้ข้อมูลเชิงระบาด ที่มีความสำคัญต่อการวางมาตรการควบคุมโรคในระยะถัดไป ซึ่งกรมควบคุมโรคร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะขยายการคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงและชุมชน ทั่วประเทศ และเขตกรุงเทพมหานคร 89,993 ราย ให้แล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ เบื้องต้น ในเขต กทม. ได้ตรวจไปแล้วทั้งสิ้น 4,856 ราย จากเป้าหมาย 15,000 ราย พบผลตรวจเป็นลบทั้งหมด นอกจากนี้การศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดีใช้การบ้วนน้ำลาย ความไวร้อยละ 84.2 ความจำเพาะ ร้อยละ 98.9 และมีผลสอดคล้องกับการเก็บตัวอย่างวิธีมาตรฐาน NP Swab ร้อยละ97.5
รองนายกฯย้ำอาจไม่ต้องหยุดยาวติดต่อกันชดเชยสงกรานต์
การพิจารณาวันหยุดชดเชยสงกรานต์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังไม่แน่ใจว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี วันอังคารที่ 9 มิถุนายนนี้ จะมีการพิจารณาวันหยุดชดเชยเทศกาลสงกรานต์หรือไม่ และไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้ให้ข่าวว่าจะเป็นวันหยุดในเดือนกรกฎาคม เพราะเดือนกรกฎาคม มีวันหยุดยาว 4 วันแล้ว พร้อมย้ำว่า ขอแค่วันหยุดชดเชยตามปกติ ในวันที่ 4-7 กรกฎาคม ให้รอดปลอดภัยก่อน ไม่มีความจำเป็นต้องนำวันหยุดสงกรานต์มารวมหยุดติดต่อกัน แต่อาจจะเว้นช่วงวันให้ห่างกัน แบบผ่อนส่งก็ได้ ส่วนภาพที่ประชาชนแห่ไปเที่ยวบางแสน เมื่อวันหยุดที่ 3 มิถุนายน ว่า “ทำให้รู้สึกสะอึก”
ศบค.ย้ำยังไม่เปิดสนามบินภูเก็ต เพราะอยู่ระหว่าง 14 วัน ที่พบผู้ติดเชื้อ
เหตุผลที่ยังไม่เปิดสนามบินภูเก็ต นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. กล่าวถึงสาเหตุที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดสนามบินภูเก็ตว่าเพราะภูเก็ต ยังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อตามรายงานเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม หากนับถึงวันนี้ ยังอยู่ในระหว่าง 14 วันที่มีการแพร่เชื้ออยู่ ทำให้ต้องใช้เวลา หลังจากนี้ต้องรอจนกว่าจะมีการประชุมศบค. ชุดใหญ่ และหากสนามบินภูเก็ตดูแลตัวเองดี ตัวเลขในจังหวัดหลังจากนี้มีความน่าพอใจก็น่าจะได้เปิดใช้ในเร็วๆนี้แน่นอน
กรณีตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในประเทศเป็น 0 ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว เหตุใดการเดินทางไปบางจังหวัดยังต้องถูกกักตัว นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อยู่ที่การบริหารจัดการของแต่ละจังหวัด แม้ว่า ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อที่พบส่วนใหญ่ มาจากสถานที่กักตัวเพื่อดูอาการของรัฐ แต่ละจังหวัดซึ่งมีจำนวนตัวเลขผู้ป่วยที่แตกต่างกัน บางจังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อ บางจังหวัดมีผู้ติดเชื้อในแต่ละจังหวัดจึงมีความระมัดระวังภายในจังหวัด จึงมีรูปแบบการจัดการไม่เหมือนกัน ขณะเดียวกัน ถ้าประชาชนต้องผ่านเข้าพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษา หากไม่แน่ใจให้โทรศัพท์ไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด
ส่วนจะมีการผ่อนปรนระยะที่ 4 นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตามหลักการที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้คืออะไรที่มีความพร้อมให้เปิดก่อนได้ แต่ต้องพิจารณาจากคณะกรรมการเฉพาะกิจ มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้พิจารณาหลัก และเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) มีหลายภาคส่วนมาหารือ ซึ่งหากมีภาพที่ชัดเจนก็นำมาเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ในสัปดาห์หน้า แต่หากยังไม่พร้อมก็ส่งข้อมูลมาเพื่อประกอบการพิจารณาและให้ส่งชุดข้อมูลมาจนกว่าจะเกิดความมั่นใจ เชื่อว่าในเร็วๆ นี้จะมีข่าวดี และทันทีที่ชัดเจนจะแจ้งให้ประชาชนทราบทันที
8 มิ.ย.นี้ ประชุมทีมเศรษฐกิจ บริหารจัดงบประมาณรับมือโควิด-19
การรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย.เวลา 13.30 น. จะมีการประชุมร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมทั้งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจคณะใหญ่ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อธิบดีกรมสรรพากร เพื่อประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงพิจารณามาตรการใหม่ๆ เพื่อเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า งบประมาณพระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทยังมีอยู่เพียงพอใช้ดูแลสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ ทั้งในส่วนการเยียวยาวงเงิน 600,000ล้านบาท และการฟื้นฟู 400,000 ล้านบาท และไม่ได้เป็นการเร่งใช้เงินจนเกินเหตุไป ดังนั้นการประชุมที่จะมีขึ้นจะเน้นติดตามสถานการณ์ เพื่อวางแผนการใช้เงินให้มีประสิทธิภาพ และรัดกุมที่สุด
เปิดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนล็อต 4
กระทรวงพาณิชย์ เปิดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ล็อต 4 จำนวน 7,157 รายการ ซึ่งจะมีสินค้าสำคัญประมาณ 50 - 100 รายการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันไปจำหน่ายลดราคาตั้งแต่ ร้อยละ4 - 68 นับเป็น ล็อตพิเศษ เพราะลงลึกถึงระดับอำเภอ ทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยจะเริ่มในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ใน 45 จังหวัด 45 อำเภอทั่วประเทศ เริ่มต้นที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับล็อต 4 สินค้าลดราคาพิเศษ 6 รายการ ได้แก่ ข้าวสาร น้ำหนัก 5 กิโลกรัม ถุงละ 99 บาท ไข่ไก่แพ็คละ 10 ฟอง แพ็คละ 20 บาท หรือฟองละ 2 บาท ทั้งหมด 15 ล้านฟอง น้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตร ขายขวดละ 30 บาท ปลากระป๋อง ๆ ละ 10 บาท น้ำตาลทราย กิโลกรัมละ 20 บาท และสินค้าแต่ละเต็นท์ 50- 100 รายการ ลดราคาสูงสุด ร้อยละ68 โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรวมทั้งห้างค้าปลีก ค้าส่ง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น 211 ราย
ธปท. ยืนยันเงินเฟ้อ พ.ค. ติดลบต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ยังไม่เข้าข่ายเงินฝืดตามนิยาม
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการดำเนินนโยบายการเงิน ธปท. อิงนิยามภาวะเงินฝืดของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งต้องเข้าเงื่อนไข 4 ข้อ คือ
-อัตราเงินเฟ้อติดลบเป็นเวลานานพอสมควร (prolonged period)
-อัตราเงินเฟ้อติดลบกระจายในหลายๆหมวดสินค้าและบริการ
-การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาว (ปกติดูที่ระยะ 5 ปี) ต่ำกว่าเป้าหมายระยะปานกลางอย่างมีนัย
-อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดลบ และอัตราการว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้น
หากพิจารณาตามเงื่อนไขดังกล่าว พบว่าอัตราเงินเฟ้อไทยติดลบมาเพียงสามเดือน แม้ประมาณการล่าสุดของ ธปท. จะให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้ติดลบ แต่ยังมองว่าปีหน้าจะกลับเป็นบวกได้ อีกทั้งเป็นการติดลบจากราคาพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 5 ปี อยู่ที่ร้อยละ 1.8 ต่อปี ถือว่าใกล้เคียงกับกึ่งกลางของช่วงเป้าหมายเงินเฟ้อของ ธปท.ที่ร้อยละ 1-3 ต่อปี จึงยังไม่เข้าข่ายเงินฝืดตามนิยามของการดำเนินนโยบายการเงิน
หุ้นไทยปิดตลาดพุ่งขึ้นอีกกว่า 24 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,435.70 จุด เพิ่มขึ้น 24.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 120,331.42 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,438.09 จุด และทำระดับต่ำสุด 1,402.77 จุด ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น ทะลุแนวต้านสำคัญ 1,430 จุด ได้ ขานรับ Fund Flow ไหลเข้าและในช่วงบ่ายนี้มีข่าวออกมาว่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีโอกาสที่จะประชุมกันได้ ซึ่งก็มีประเด็นการยืดระยะเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ยังต้องติดตามการปลดล็อกดาวน์ในเฟสถัดไป และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รวมถึงการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9-10 มิ.ย.นี้ โดยให้จับตานโยบายด้านการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้นปิดแดนบวกเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่ปรับตัวขึ้นท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อคืนหุ้นกลุ่มต่างๆ นิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 167.99 จุด ที่ 22,863.73 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 เช่นเดียวกันในวันนี้ ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ประเทศต่าง ๆ เดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 404.11 จุด ปิดวันนี้ที่ 24,770.41 จุด
บราซิลจะเป็นประเทศแรกที่ จะรับทดสอบวัคซีนต้านโควิด-19 จากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด