ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น. วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563

05 มิถุนายน 2563, 10:00น.


ศบค.ชุดเล็ก หารือกิจการกลุ่มสีแดง อาจเปิดเพิ่ม 12 กิจการ



          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) กล่าวว่า ประเภทกิจการ/กิจกรรมที่จะผ่อนคลายในระยะต่อไปจะเป็นการเปิดในกลุ่มสีแดง ศบค.ชุดเล็กเชิญผู้เกี่ยวข้องในกิจการ/กิจกรรมต่างๆ มาหารือ ซึ่งบางกิจการเปิดแบบแง้มๆ ไปแล้ว หากจะเปิดเพิ่มก็ต้องมาหารือมาตรการว่าจะมีการควบคุมดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดการติดโรค ซึ่งมีอยู่ 12 กิจการ/กิจกรรมที่จะมีการหารือ ได้แก่



1.โรงเรียนและสถาบันการศึกษา จะจัดการเรียนการสอนอย่างไร



2.การถ่ายทำรายการ ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ ซึ่งจำกัดคนเลข 2 หลัก แต่มีการบอกว่าฉากใหญ่ จะทำอย่างไร คนต้องมากกว่านี้ ดังนั้น มีวิธีการอะไรต้องมาเสนอ จะควบคุมคน 200-300 คน จะทำอย่างไรถึงไม่ติดโรค ต้องเอามาคุยกัน



3.สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา โรงยิม ซึ่งมีการเปิดเพื่อการซ้อมต่างๆ จะเพิ่มการแข่งขันกีฬาได้หรือไม่



4.สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุ เดิมให้เฉพาะคนที่ค้างอยู่แล้ว จะให้มีคนไปกลับได้หรือไม่ จะมีมาตรการอย่างไร



5.อุทยานแห่งชาติ สวนรุกขชาติ เป็นเฉพาะสถานที่ส่วนราชการกำหนดและสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้



6.การจัดแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี งานอีเวนต์ จัดแสดงสินค้า พื้นที่เกิน 20,000 ตารางเมตร



7.ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา



8.ชายหาด ชายทะเล จะมีการหารือกันต่อ อย่างที่เป็นตัวอย่างข่าว ก็จะเรียนรู้ร่วมกันว่าจะทำอย่างไร



9.ห้องประชุม มากกว่า 200 คนจะทำอย่างไร



10.สวนสนุก สวนน้ำ สนามเด็กเล่น ร้านเกมส์ เป็นกิจการระดับรากหญ้าจะเกิดขึ้นอย่างไร



11.สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ



12.สถานบริการอาบอบนวด เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก พูดคุยกันก็ต้องมองในหลายมิติ



"หมอธีระ" เสนอสร้างค่านิยมใช้ชีวิตแบบตั้งการ์ด เป็นวัฒนธรรมประจำถิ่น



          รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า ช่วงวันที่ 4-6 มิ.ย.นี้ เราจะต้อนรับคนไทยจากต่างประเทศกลับมาสู่มาตุภูมิอีกราว 1,600 กว่าคน มีจากทุกทวีปทั้งอเมริกา แอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัย ผ่านการตรวจคัดกรองอย่างราบรื่น และกักตัวเฝ้าสังเกตอาการตามที่รัฐได้จัดระบบไว้อย่างดี ใจจริงภาวนาว่าขอให้ทุกคนไม่ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 เพราะเราพบว่ามีเคสติดเชื้อรายใหม่จากต่างประเทศแทบทุกวัน สำหรับในประเทศไทย สิ่งที่รัฐควรพิจารณาดำเนินการคือ



-หนึ่ง มาตรการสร้างค่านิยมในการใช้ชีวิตแบบตั้งการ์ดให้เป็นวัฒนธรรมประจำถิ่น



-สอง ชะลอการพิจารณาโปรโมทการท่องเที่ยวภายในประเทศจนกว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศครบ 2-4 สัปดาห์ ถ้าใจร้อน ก็ขอให้เลข 0 ภายในประเทศครบ 15 วัน ด้วยเหตุผลหลักคือธรรมชาติของโรคจะมีระยะฟักตัวราว 2-14 วัน แต่มีโอกาสหลุดร้อยละ 5 สำหรับคนที่ติดเชื้อแต่มีระยะฟักตัวนานกว่าปกติ  ถ้าใจเย็นหน่อย ไม่อยากพลาด ก็ขอให้เลข 0 ภายในประเทศครบ 30 วัน เพราะมีหลักฐานวิชาการพบว่ามีการติดเชื้อแล้วระยะฟักตัวยาวไปเป็นเดือนได้ ถ้ารอได้แบบนี้ เป็นมาตรการแบบเน้นความปลอดภัย ความมั่นใจการปลอดโรคจะมากขึ้น



-สาม ปิดประตูเรื่องการท่องเที่ยวจากต่างประเทศต่อไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของมิตรประเทศต่างๆ ยังมีอยู่มากทุกทวีปควรขยายเวลาการปิดจากสิ้นเดือนมิ.ย.ไปเป็นสิ้นเดือนก.ค. และพิจารณาขยายเวลาต่อตามสถานการณ์



-สี่ ควรขันน็อตระบบการติดตาม กำกับ ตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินการตามกฎระเบียบสำหรับธุรกิจ ห้างร้านต่างๆ รวมถึงในหน่วยงานรัฐด้วยว่าได้ปฏิบัติเรื่องการป้องกันหรือไม่ ดำเนินการ "เตือน ปรับ จับ ปิด" ทั้งกับบุคคลและหน่วยงานรัฐและเอกชน 



นายกฯ ย้ำไม่ต้องห่วงจัดสรรงบตาม พ.ร.บ.โอนงบฯ ยืนยัน ดูแลคนทุกกลุ่ม



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย วงเงินกว่า 88,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาโรคโควิด -19 ว่า หลังจากที่ฟังการอภิปรายของ ส.ส. หลายคน เป็นประโยชน์ พร้อมนำไปปรับปรุงพิจารณา อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ จะรับฟังยืนยันว่าจะนำไปใช้จ่ายให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง นายกฯ กล่าวว่า อย่าห่วงการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและให้เจ้าหน้าที่ทำงานไปตามกระบวนการ เป็นเพียงการตั้งกรอบงบประมาณไว้เท่านั้น เมื่อมีการใช้จ่ายงบประมาณขึ้นมาก็ต้องมีกรรมการคัดกรองและตรวจสอบตั้งแต่ระดับล่าง



          การใช้จ่ายงบกลางหลังจากนี้จะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนว่าต้องการอะไร ซึ่งเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) พิจารณา อย่าไปก้าวก่ายหรือบังคับ โดยมีสำนักงบประมาณคอยตรวจสอบอยู่แล้ว ก่อนจะเสนอให้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณในการใช้จ่าย ขออย่างเดียวอย่าไปแทรกแซงข้าราชการระดับล่าง ถ้ามีการทุจริตจะมีการลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยไม่ละเว้น การจัดสรรงบประมาณไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เพื่อคนไทยทุกคน และจะดูแลคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม



‘อานนท์วัฒน์’ ผู้ต้องหาแฮกข้อมูลของนักธุรกิจ มีคดีติดตัวอยู่ 9 คดี



          พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมคณะรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยเรื่องการจับกุมแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนตัวของประชาชน โดยมอบรางวัลเป็นโทรศัพท์มือถือ แต่ให้ผู้เสียหายเอาซิมใส่อ้างว่าเพื่อยืนยันการรับรางวัล จากนั้นแอบรับ SMS OTP ก่อนนำไปโอนเงินผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก มูลค่ารวมหลายแสนบาท โดยจับกุม นายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร อายุ 34 ปี ได้ที่หน้าเรือนจำกลางสมุทรปราการ



          พ.ต.อ.ภูริส  กล่าวว่า นายอานนท์วัฒน์ มีคดีติดตัวอยู่ 9 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับหลอกลวงขายหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ ยังออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 ราย เป็นผู้ร่วมขบวนการ อยู่ระหว่างติดตามตัว เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีมาตรการการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ก่อนนำส่ง สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดี



          เมื่อวันที่ 31 มี.ค.นายอานนท์วัฒน์ ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) จับกุมในกรุงเทพฯ พร้อมของกลางเป็นหน้ากากอนามัย รวม 5,000 ชิ้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโพสต์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นของนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี หรือเสี่ยบอย นายอานนท์วัฒน์ รับสารภาพว่าสั่งหน้ากากอนามัยมาจากนายทุน แล้วนำกล่องไปให้บรรจุตามความต้องการก่อนนำไปขาย ถูกแจ้งข้อหาจงใจทำให้ราคาต่ำเกินสมควรหรือสูงเกินสมควร ตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่ 10 ปี 2563 ก่อนที่นายอานนท์วัฒน์ ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมา



ตร.อาจแจ้งข้อหา น.ส.ปุ๊ก เพิ่มเกี่ยวกับการค้ามนุษย์



         ความคืบหน้าคดี น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ น.ส.ปุ๊ก วัย 29 ปี ผู้ต้องหาคดีวางยาลูกเพื่อหลอกรับเงินบริจาค ภายหลังจากที่ได้รับรายงานผลการตรวจพบสารเคมีชนิดเบสที่ออกฤทธิ์กัดกร่อน 1 ขวด เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวได้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าของสำนวนคดี ซึ่งภาพรวมด้านสำนวนคดีขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากและเป็นไปในทิศทางที่ดี ขณะที่ พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. อาจมีการพิจารณาแจ้งข้อหา น.ส.นิษฐา เพิ่มเติมอีก 2 ข้อหา โดยจะเป็นความผิดเกี่ยวกับชีวิตและความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างละ 1 ข้อหา



          ส่วนการเอาผิดกรณีที่พบว่า น.ส.นิษฐา นำเงินที่ได้รับจากการขายสินค้าหรือเงินบริจาคไปใช้ในการเล่นพนันออนไลน์ เบื้องต้นอาจจะยังไม่มีการพิจารณาแจ้งข้อหาในส่วนนี้ เนื่องจาก พยานหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักมากพอ เพราะพบเพียงแค่ว่าเป็นการโอนเงินไปที่เว็บพนันเท่านั้น



 

ข่าวทั้งหมด

X