สภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบฯ กว่า 80,000 ล้าน สู้โควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย วงเงิน 88,452 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นผู้เสนอ แต่ละหน่วยงานได้โอนงบประมาณประจำปี 2563 คืนรัฐบาลเพื่อตั้งเป็นงบกลางไว้สำหรับแก้ไขปัญหาโควิด-19 เรียงตามลำดับกระทรวงที่โอนงบประมาณคืนสูงที่สุด 3 ลำดับแรก1. กระทรวงกลาโหม จำนวน 17,700 ล้านบาท 2. กระทรวงศึกษาธิการ 4,746 ล้านบาท 3. กระทรวงคมนาคม 3,427 ล้านบาท
การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 คืนรัฐบาลตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน เนื่องจาก วงเงิน 96,000 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ในงบประมาณปี 2563 ไม่เพียงพอในการใช้จ่ายแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เนื่องจากได้ใช้ในการแก้ปัญหาภัยแล้ง และสาธารณภัยอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ
คณะกก.เยียวยา ประชุมช่วยเหลือ 2,000,000 คนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
การประชุมคณะกรรมการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 โดยปลัด 10 กระทรวง หารือกันในวันนี้ เพื่อพิจารณามาตรการจ่ายเงินเพิ่มเติมให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังตกหล่นไม่ได้รับการช่วยเหลือคนละ 1,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน รวม 3,000 บาท เพื่อเป็นการดูแลคนไทยทุกกลุ่มให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมกันซึ่งการจ่ายเงินรอบนี้จะเป็นเงินที่จ่ายเพิ่มเติมจากสวัสดิการที่ได้รับประจำเดือน เช่น ค่าครองชีพ 200-300 บาท ค่ารถเมล์ 500 บาท ค่ารถทัวร์ 500 บาท เบื้องต้นประเมินว่ามีผู้เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือราว 2,000,000 คน เรื่องนี้จะต้องให้ที่ประชุมเห็นชอบก่อนและรอเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการการใช้เงิน พ.ร.ก.กู้เงินและ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบต่อไป โดยจะนำเงินจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทมาใช้
นอกจากนี้ ในการประชุมวันนี้จะมีการพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ลงทะเบียนโครงการเราไม่ทิ้งกันไม่สำเร็จอีก 1,700,000 คน ซึ่งจะมีการพิจารณาลงรายละเอียดว่าแต่ละคนมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์หรือไม่ หากผ่านเกณฑ์และไม่เคยได้รับมาตรการช่วยเหลือมาก่อนก็มีสิทธิรับเงิน 5,000 บาท เวลา 3 เดือน ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์จะเสนอให้ใช้มาตรการอื่นช่วยเหลือต่อไป
ส่วนกลุ่มนักศึกษาหรือเยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 18 ปียังไม่มีมาตรการช่วยเหลือในตอนนี้เพราะอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองอยู่แล้ว
ศบค. ห่วงติดเชื้อในชุมชนมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)กล่าวว่า ไทยมีผู้ป่วยสะสม 3,084 คน เป็นผู้ติดเชื้อกลับจากต่างประเทศอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ 147 คน มาจากประเทศต้นทางมากเรียงตามลำดับ อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต ปากีสถาน คาซัคสถาน ส่วนการติดเชื้อ ภายในประเทศ 2,244 คน
สำหรับปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อโควิด- 19 ในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยจำนวนมากสุด แยก 6 กลุ่ม 1.สัมผัสผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้านี้ 2.อาชีพเสี่ยง 3.สถานที่สนามมวย 4.ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 5.สถานที่ สถานบันเทิง 6.เดินทางกลับจากต่างประเทศอยู่ใน State Quarantine
ช่วง 2 สัปดาห์ พบว่า จำนวนผู้ป่วยมากที่สุด 2 ใน 3 อยู่ในสถานที่ชุมชน รองลงมาสัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ป่วยมีอยู่ในชุมชน ดังนั้น ประชาชนจำเป็นต้องปฎิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะได้ไม่ต้องถอยหลังกลับไปสู่จุดที่ต้องล็อกดาวน์
ประเด็นที่ น่าสนใจในต่างประเทศ คือ อินเดีย มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มวันเดียวมากกว่า 8,000 คน ยอดผู้ป่วยสะสมรวมเกือบ 200,000 คน
ขณะที่ ดูไบ เปิดหาดให้คนกลับมาพักผ่อนเป็นครั้งแรกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากล็อกดาวน์ และเริ่มอนุญาตให้เปิดโรงหนัง โรงยิม และสถานที่ต่างๆ แต่พบว่าประชาชนเริ่มไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ปฏิบัติตามเว้นระยะห่าง หลังการผ่อนคลายความร่วมมือต่างๆ เริ่มย่อหย่อน ดังนั้น เราต้องไม่ย่อหย่อน ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปสถานที่ต่างๆ และเว้นระยะห่างระหว่างกัน
ลาว ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 52 วัน เหลือ 1 คนที่รักษาในรพ.
เพจเฟซบุ๊ก เป็นเรื่อง เป็นลาว โพสต์ข้อความระบุว่า...“ดอกจำปาบานเรืองรุ่ง ความฮักแพงยืนยงตลอดกาล” สายพัวพัน 2 กองทัพลาว-จีน ระบุว่า นับแต่วันที่ 4 มิ.ย.เป็นต้นไป สปป.ลาว จะยุติการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวประจำวันเรื่องสถานการณ์โควิด สื่อมวลชนลาว สามารถติดตามข่าวสารได้จากเวบไซต์ www.covid19.gov.la
วันที่ 3 มิ.ย. คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ แถลงว่า เป็นเวลา 52 วันแล้ว สปป.ลาว ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ผู้ที่ติดเชื้อ 19 คน ก็ได้รับการรักษาหายดีแล้ว 18 คน ยังเหลือเพียง 1 คนอยู่ใน รพ.มิดตะพาบ
อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 มิ.ย. กองทัพประชาชนลาว ได้รับมอบอุปกรณ์การแพทย์ป้องกันและต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 จากกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ที่สนามบินสากลวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ การช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ป้องกันตัวทางการแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ และอื่นๆ มีข้อสังเกต อุปกรณ์การแพทย์จากจีนทุกกล่อง จะมีข้อความว่า “ดอกจำปาบานเรืองรุ่ง ความฮักแพงยืนยงตลอดกาล”
CR:facebook เป็นเรื่อง เป็นลาว
ภาคเอกชน เกาะติดทุนจีน ฮุบธุรกิจไทย
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลังโรคโควิด-19 กล่าวว่า ภาคเอกชนได้ติดตามการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน เข้ามาลงทุนในไทยอย่างใกล้ชิดทั้งการเข้ามาร่วมลงทุนรวมทั้งการเข้ามาซื้อกิจการ จะส่งผลกระทบอย่างไรต่ออุตสาหกรรมไทย เนื่องจากเคยมีกรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมยางรถยนต์ที่จีนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯ จับตาการส่งออกอุตสาหกรรมยางรถยนต์ของไทยไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 8-9 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทจีนที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตประมาณ 4-5 บริษัท ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ไทยแท้ ที่มีอยู่ 3-4 บริษัท เรื่องอุตสาหกรรมยางรถยนต์เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัด เพราะกลายเป็นว่าแบรนด์ไทยแท้ในอุตสาหกรรมนั้นๆ โดนไปด้วย เกรงว่าต่อไปจะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย เช่นอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่จีนย้ายแบรนด์ใหญ่ๆ เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนต้องสร้างความสมดุลกันให้ดี หลังจากนี้จะเห็นนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนไทยเพิ่มขึ้นแน่นอน