ศบค.ผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 2 เปิดห้างสรรพสินค้า-ปรับเวลาเคอร์ฟิว เริ่ม 23.00 น.-04.00 น. มีผล 17 พ.ค.นี้

15 พฤษภาคม 2563, 13:28น.


          หลังประกาศใช้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และเริ่มมีการประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน หรือ เคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.-31 พ.ค.นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ข้อสรุป ดังนี้ 



1.เห็นชอบปรับเปลี่ยนระยะเวลาเคอร์ฟิวจากเดิม 22.00-04.00 น. เป็น 23.00-04.00 น. วันรุ่งขึ้น ห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในทุกช่องทางและขอให้คนไทยชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดต่อไป ยกเว้นจะมีเหตุสำคัญให้ต้องเดินทาง เช่น ต้องกลับไปเลือกตั้งซ่อมที่ภูมิลำเนาตัวเอง



2.กิจการและกิจกรรมที่เปิดเพิ่มเติม 



2.1.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต 



-ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ในอาคารสำนักงาน โรงอาหาร หรือศูนย์อาหาร ภายในหน่วยงาน ให้เปิดได้โดยอาจนำกลับไปบริโภคที่อื่น หากเปิดให้ใช้บริการในสถานที่นั้นก็สามารถทำได้ ต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการตามมาตรการป้องกันโรค ห้ามดื่มสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้าน   



-ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ฯลฯ ปิดบริการในเวลา 20.00 น.



-สินค้าอุปโภค ร้านขายปลีกธุรกิจคอมพิวเตอร์ เครื่องนอน วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ วัสดุสำนักงาน  เป็นต้น



-ร้านเสริมสวย แต่งผม หรือ ตัดผม สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย (เปิดเฉพาะสระ ตัด ซอยผม แต่งผม) ร้านทำเล็บ



-ร้านอาหาร ภัตตาคาร Food Court ศูนย์อาหาร 



-ร้านค้าปลีก ค้าส่งขนาดใหญ่  เช่น ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ให้เปิดได้ต้องควบคุมทางเข้า-ออก จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิและดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข 



2.2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ 



-โรงยิม สถานที่ออกกำลังกายในที่ร่ม ฟิตเนส  เฉพาะกีฬาตามกติกาสากลที่ไม่มีลักษณะการปะทะกัน หรืออาจเล่นเป็นทีมไม่เกินทีมละ 3 คน และไม่มีผู้ชมการแข่งขัน ได้แก่ แบดมินตัน เซปักตะกร้อ เทเบิลเทนนิส โยคะ สควอช ฟันดาบ ยิมนาสติก ปีนผา ทั้งนี้ สถานออกกำลังกาย เปิดเฉพาะส่วน ห้ามใช้เครื่องลู่วิ่ง จักรยานปั่น และไม่มีการออกกำลังกายแบบรวมกลุ่ม  



-คลินิกเสริมความงาม สามารถให้บริการได้เฉพาะเกี่ยวกับเรือนร่าง ผิว และเลเซอร์ ยกเว้นบริเวณใบหน้า 


-กองถ่ายภาพยนตร์ที่แต่ละกองต้องมีทีมงานรวมแล้วไม่เกิน 50 คน 


-สระว่ายน้ำสาธารณะ กลางแจ้งและในร่ม จำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการตามจำนวนเลนของการว่าย 


         นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้เปิดกิจการห้องประชุมโรงแรม ศูนย์ประชุม เฉพาะจัดประชุมองค์กรหรือหน่วยงานแบบจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม อนุญาตให้เปิดห้องสมุดสาธารณะ แกลลอรี่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ 



         สำหรับกิจการที่ยังคงปิดต่อไป เช่น โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง สเก็ต คาราโอเกะ สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ พื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย แข่งขันกีฬา ตู้เกมส์ เครื่องเล่นหยอดเหรียญ สถาบันกวดวิชา สนามพระเครื่อง นวดแผนไทย สปา สนามมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้(ยิม) เป็นต้น





          นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่าการผ่อนคลายมาตรการย่อมมีความเสี่ยงทำให้การระบาดโรคโควิด-19 กลับมาเกิดซ้ำได้ นายกฯ แสดงความเป็นห่วง แต่จำเป็นต้องผ่อนคลายเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้บ้าง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องทำตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขต่อเนื่อง โดยเฉพาะการล้างมือ, การรักษาระยะห่าง และใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาด



         สำหรับการประชุมศบค.ในวันนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอการคาดการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในไทยจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563 ว่า แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง


-แนวทางแรก คือ ใช้มาตรการคุมเข้มต่อเนื่อง จะทำให้ไทยมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 3 คน


-แนวทางที่สอง คือ ผ่อนคลายบางมาตรการ คาดว่าจะทำให้ไทยมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 24 คน


-แนวทางสุดท้าย ผ่อนคลายทุกมาตรการ คาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 65 คน ที่ประชุมได้เลือกแนวทางที่สอง เพราะเห็นว่าระบบสาธารณสุขยังพอรับไหว


        นายกฯ สั่งการในที่ประชุมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษากฎหมายปกติกับพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ฉุกเฉินว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรในการควบคุมการระบาด เพื่ออนาคตอาจกลับไปใช้กฎหมายปกติ
ข่าวทั้งหมด

X