ทันสถานการณ์โลก 06.30น.ประจำวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2563
องค์การอนามัยโลก แนะนำต้องเรียนรู้ อยู่กับ โควิด-19
องค์การอนามัยโลก แนะนำทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 เพราะโรคโควิด-19 อาจจะไม่หายไปจากโลกนี้ นายไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการสาธารณสุขฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกระบุในวันพุธ(13พ.ค.) ว่า "เรามีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เข้าสู่ประชากรมนุษย์เป็นครั้งแรก ทำให้การควบคุมโรคต้องใช้เวลา และโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อาจจะเป็นอีกหนึ่งไวรัสท้องถิ่นในชุมชนของเราและอาจไม่มีวันหายไป เอชไอวีก็ไม่เคยหายไป แต่เราจำเป็นต้องอยู่ร่วมกันให้ได้
ความคิดเห็นครั้งนี้ สวนทางกับความคิดเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ บอกเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะหายไปเองในที่สุด แม้โลกยังไม่มีวัคซีนป้องกันก็ตาม
จีนสั่งปิดเมืองจี๋หลิน–โรงเรียนหลังโควิดระบาดรอบ 2
ข้อกังวล ถึงการระบาดรอบสองของจีน หลังสื่อของทางการจีนรายงานว่า เมืองอู่ฮั่นซึ่งไวรัสโคโรนาอุบัติขึ้นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว มีแผนตรวจประชาชน ทั้ง 11 ล้านคน หลังจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วพบการระบาดแบบกลุ่มก้อนครั้งแรกนับจากเปิดเมืองเมื่อวันที่ 8 เมษายน
นอกจากนั้น เมื่อวันพุธจีนมีคำสั่งปิดพรมแดนเมืองจี๋หลิน เมืองใหญ่อันดับ 2 มณฑลจี๋หลินรวมทั้งระงับการให้บริการรถไฟ รถประจำทาง และอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบในช่วง 48 ชั่วโมง ออกจากเมืองได้ รวมทั้งยังปิดโรงเรียน โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกายในอาคาร อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และสถานบันเทิงทันที ตลอดจนใช้มาตรการกักกันตัวเองอย่างเข้มงวดไม่มีกำหนด หลังพบการระบาดแบบกลุ่มก้อน
วันพุธ จีนพบผู้ติดเชื้อใหม่ 7 คน จากที่พบเพียง 1 คนเมื่อวันอังคาร โดย 6 คนอยู่ในมณฑลจี๋หลิน ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และอีกคนพบในเซี่ยงไฮ้แต่เป็นคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
สำหรับผู้ติดเชื้อในมณฑลจี๋หลินนั้นทั้ง 6 คนอยู่ในเมืองจี๋หลิน ที่มีประชากรกว่า 4 ล้านคน อย่างไรก็ดี 5 คนในจำนวนนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ติดเชื้อคนหนึ่งในซูหลาน ที่ถูกปรับระดับความเสี่ยงจากปานกลางเป็นสูง และระงับการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้ออีกครั้ง หลังคลายล็อก
ฮ่องกง รายงานว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2 คนแรกในรอบ 3 สัปดาห์ เบื้องต้นทั้งคู่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศและครอบครัวไม่มีใครที่กลับมาจากต่างประเทศ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังตรวจสอบว่าติดเชื้อได้อย่างไร
ทั้งนี้ ฮ่องกงเป็น 1 ในเมืองที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาด เนื่องจากการกักกันโรคผู้เดินทางเข้ามาในเขตบริหารพิเศษในทันที วันที่ 13 พ.ค. สำนักงานสุขภาพและสื่อในฮ่องกง รายงานว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 2 คนคือแม่บ้านอายุ 66 ปีและหลานสาวอายุ 5 ขวบของเธอ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,051 คน เสียชีวิต 4 ราย โดยในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาฮ่องกงมีผู้ป่วยเพียง 24 คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศซึ่งถูกกักกันไว้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางการฮ่องกงอนุญาตให้สถานบันเทิง โรงยิมและโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง แต่ยังห้ามการชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 8 คน แต่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านทางการท้องถิ่นและทางการจีนที่มีการชุมนุมต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีที่แล้วและยุติไปเมื่อมีสถานการณ์โรคระบาดได้กลับมาจัดการชุมนุมประท้วงอีกครั้ง
ทั่วโลกเดินหน้ามาตรการคลายล็อก แม้โควิด-19 จะระบาดรอบ 2 ในหลายประเทศ
ยุโรปเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ ออสเตรียประกาศเปิดพรมแดน ติดกับเยอรมนี และเตรียมยกเลิกมาตรการปิดเมือง ที่บังคับใช้มานาน 2 เดือน ด้านฝรั่งเศสเริ่มเปิดโรงเรียนประถมและสถานรับเลี้ยงเด็กช่วงกลางวัน
ส่วนอังกฤษอนุญาตให้ประชาชนออกกำลังกายนอกบ้านได้ แม้ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาทั่วโลกใกล้ถึงหลัก 300,000 ราย
รัสเซียเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดเช่นเดียวกัน แม้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 242,000 คน มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ในส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่เพียง 2,212 ราย ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับศูนย์กลางการระบาดแห่งอื่นๆ ในยุโรป โดยมีคำอธิบายว่า เนื่องจากการที่รัสเซียเรียนรู้บทเรียนจากยุโรปตะวันตก และเร่งกักตัวนักเดินทางและกลุ่มเสี่ยงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังเปลี่ยนโรงพยาบาลหลายแห่งรองรับผู้ป่วยโควิด-19 และเริ่มการตรวจหาและกักตัวผู้ติดเชื้อในวงกว้าง
ที่บราซิล ยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันและรายงานเมื่อวันอังคารเพิ่มเป็น 177,589 คน แซงหน้าเยอรมนี ส่วนยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 12,400 ราย ขณะที่ประธานาธิบ ดีฌาอีร์ โบลโซนารู กำลังกดดันให้รัฐต่างๆ ปฏิบัติตามคำสั่งของตนในการอนุญาตให้สถานออกกำลังกายและร้านเสริมสวยเปิดดำเนินการอีกครั้ง
ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาภายในรอบ 24 ชั่วโมง มียอดผู้เสียชีวิต กลับมาสูงกว่า 1,000ราย อยู่ที่ 1,894 ราย นับเป็นครั้งแรกที่ยอดผู้เสียชีวิตกลับมาเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่ยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่า 1,000 รายในวันอาทิตย์และจันทร์
สำหรับที่อินเดีย นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 270,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจเดินเครื่องอีกครั้งหลังชัตดาวน์มานาน เช่นเดียวกับเครือข่ายรถไฟขนาดใหญ่ แม้ยอดผู้ติดเชื้อยังพุ่งทะยานก็ตาม
เยอรมนี เตรียมส่งพนักงานกลับไปทำงานที่จีนอีกครั้ง
หอการค้าเยอรมนี เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทของเยอรมนีกำลังเตรียมเครื่องบินเช่าเหมาลำเพื่อส่งพนักงานกลับไปที่สำนักงานในประเทศจีนภายในเดือนนี้ หลังจากที่ทางการจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19
นายแจน ฮิลเดอบรันท์ ผู้อำนวยการบริหารหอการค้าเยอรมนีในจีนตอนเหนือ เปิดเผยว่า สถานทูตเยอรมนีและหอการค้าได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของจีนเพื่อให้สามารถส่งพนักงานที่มีวีซ่าพำนักอาศัยที่ถูกต้องหรือใบอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่เดินทางกลับไปจีนได้ในวันที่ 25 พฤษภาคม และหวังว่าหลังจากนี้จะมีบริษัทต่างชาติทยอยส่งพนักงานเดินทางกลับไปทำงานที่จีน
สำหรับเที่ยวบินแรกนี้จะออกเดินทางจากสนามบินแฟรงค์เฟิร์ตไปยังสนามบินเซี่ยงไฮ้ ผู่ตงในวันที่ 25 พฤษภาคม ผู้โดยสารประมาณ 200 คนจะต้องได้รับการทดสอบโควิด-19 เป็นเวลา 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง แต่รายชื่อผู้ขึ้นเครื่องบินจะต้องได้รับการอนุมัติจากทางการจีนเพื่อออกวีซ่าหรือคืนสถานะให้พวกเขา และเมื่อมาถึงประเทศจีนจะต้องเข้ารับการทดสอบโควิด-19 และแอนติบอดีอีกครั้ง จากนั้นต้องเข้ารับการกักกันเป็นเวลา 48 ชั่วโมงในเซี่ยงไฮ้
ก่อนหน้านี้ จีนได้บรรลุข้อตกลงกับเกาหลีใต้เพื่อจัดตั้ง "เส้นทางลัด" สำหรับให้นักธุรกิจกลับมาทำงานในจีนอีกครั้ง และกำลังมีการเจรจากับหลายประเทศ เพื่อรับนักธุรกิจ และพนักงานชาวต่างชาติกลับมาทำงานอีกครั้ง เพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นใจว่าห่วงโซ่อุปทานจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
เฟดจะไม่ใช้ นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะไม่ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีหลายคนที่เรียกร้องให้ใช้ก็ตาม เพราะยังมีเครื่องมือที่ดีกว่าให้เลือกใช้
คำกล่าวของนายพาวเวล มีขึ้นในระหว่างการเสวนาผ่านระบบการประชุมทางไกลโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน (Peterson Institute for International Economics : PIIE) ซึ่งเขากล่าวด้วยว่า เฟดอาจต้องใช้เครื่องมือด้านนโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจากสภาคองเกรสผ่านงบประมาณกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ตาม
โควิด-19 ทำให้ชาวอเมริกันตกงานมากกว่า 20 ล้านคน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหนักที่สุด เท่าที่สหรัฐฯ เคยเผชิญมาก่อน ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว ชาวอเมริกัน 20 ล้าน 5 แสนคน ต้องกลายเป็นผู้ว่างงาน ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมีความเห็นว่า เศรษฐกิจอาจหดตัวถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงไตรมาสที่สอง
หุ้นดาวโจนส์ตกกว่า 500 จุด กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯทรุดตัว
ความวิตกกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบทำให้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง อีกกว่า 510 จุด หลังธนาคารกลางสหรัฐฯตอกย้ำถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอเมริกาต้องเผชิญ จากมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 516.81 จุด ปิดที่ 23,247.97 จุด
ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก น้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 49 เซ็นต์ ปิดที่ 25.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 79 เซ็นต์ ปิดที่ 29.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นผลกระทบจากความกังวลเนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกลดกำลังการผลิตลง และผลกระทบทางเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากโควิด-19แพร่ระบาด
ส่วนราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 9.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,716.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตอลีบาน พร้อมตอบโต้กองกำลังรัฐบาลอัฟกัน ยืนยันไม่เกี่ยวข้องเหตุโจมตี
กลุ่มตอลีบาน ออกประกาศเตือนว่า พร้อมที่จะตอบโต้ หลังจากที่ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี แห่งอัฟกานิสถาน ประกาศให้กองกำลังอัฟกันเตรียมรับคำสั่งให้โจมตีกลุ่มตอลีบาน และกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส ที่ก่อเหตุโจมตีร้ายแรงหลายครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนับร้อยคน เหตุรุนแรงที่สร้างความตื่นตระหนกคือ การโจมตีโรงพยาบาลในกรุงคาบูลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย รวมถึงทารกและพยาบาล หลังจากที่กลุ่มไอเอส ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในงานศพที่เมืองทางตะวันออกของประเทศทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย
กลุ่มตอลีบานอ้างว่าได้ทำข้อตกลงสันติภาพกับสหรัฐฯ เพื่อให้กองกำลังสหรัฐฯและต่างชาติออกจากอัฟกานิสถานภายในปีหน้า ดังนั้นกลุ่มจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณามความรุนแรงครั้งล่าสุดนี้อย่างรุนแรง โดยย้ำว่า การโจมตีพลเรือนเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ขณะที่ โรงพยาบาล สถานพยาบาลและบุคลากร ได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้กลุ่มตอลีบานกับรัฐบาลอัฟกานิสถานร่วมกันนำตัวคนร้ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเดินหน้าสร้างสันติภาพให้ประสบความสำเร็จ