องค์การอนามัยโลก เตือนการใช้มาตรการกักตนเองเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการป้องกันโควิด-19

         ขณะที่หลายประเทศทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย ใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยึดหลักการจากจีน ทั้งการให้ธุรกิจร้านค้าหยุดทำการชั่วคราว ให้ทำงานที่บ้าน จำกัดการติดต่อทางสังคม และปิดบางพื้นที่ นายไมค์ ไรอัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เตือนว่า มาตรการปิดกั้นพื้นที่หรือล็อคดาวน์เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถเอาชนะไวรัสนี้ได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้มาตรการด้านสาธารณสุข เช่น การตรวจหาผู้ติดเชื้อ การแยกผู้ป่วย การสืบหาผู้ติดต่อสัมผัสเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการกักตัวเอง มิเช่นนั้นเมื่อยกเลิกคำสั่งปิดพื้นที่ เชื้อไวรัสก็จะกลับมาระบาดได้ตามเดิม

          นอกจากนี้ ยังมีรายงานของผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลีใต้ที่ระบุว่า การที่เกาหลีใต้สามารถควบคุมโรคได้ผลก็เพราะมีการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วและจริงจัง มีการแจ้งเตือนชุมชนที่ผู้ติดเชื้อเคยเดินทางไป มีการระบุกลุ่มผู้ติดเชื้อและกลุ่มที่ต้องสงสัย รวมทั้งมีระบบสาธารณสุขระดับชาติที่มีประสิทธิภาพและไม่มีค่าใช้จ่ายสูง โดยในกลุ่มประชากรทั้งประเทศราว 51 ล้านคน มากกว่าครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเขตกรุงโซล โดยตั้งแต่เมื่อครั้งที่โรคเมอร์ส แพร่ระบาดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว รัฐบาลยังมีการแก้กฎหมายเรื่องความเป็นส่วนตัว เพิ่มอำนาจของทางการในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชน และมีระบบการลงทะเบียน ที่ผู้ใช้โทรศัพท์ทุกคนจะต้องเปิดเผยชื่อจริงและเลขประจำตัว ทำให้สามารถติดตามผู้ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้ว่าจะเป็นมาตรการที่ได้ผลแต่องค์การสิทธิมนุษยชนมีความกังวล นายเคนเนท ร็อธ ผู้อำนวยการบริหารของฮิวแมน ไร้ท์ วอช ระบุว่า การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชน อาจถูกนำไปใช้ในการติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชน ซึ่งจะส่งผลต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคล

....