นายเดวิด วิลค็อกซ์ อดีตหัวหน้าแผนกวิจัยและสถิติประจำสำนักงานคณะกรรมการธนาคารกลาง หรือ เฟดของสหรัฐฯและนายเบน เมย์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก สถาบันอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ อังกฤษ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของหลายประเทศได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประเทศจีน อิตาลี สหรัฐฯ ฝรั่งเศสและสเปน รวมทั้งหลายประเทศใช้มาตรการคุมเข้มพรมแดน ห้ามการเดินทาง ปิดพื้นที่เสี่ยงที่มีการรวมกลุ่มของประชาชน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สัญญาณแรกที่ชี้ว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มไม่สดใส คือ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกร่วงลงร้อยละ 20.5 ระหว่างเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ ตัวเลขการผลิตอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 13.5 การลงทุนลดลงเกือบร้อยละ 25 ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ รวมถึงนางชาร์ลีน ชู จากศูนย์วิจัยออโตโนมัสของอังกฤษ คาดว่า เศรษฐกิจจีน ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะติดลบถึงร้อยละ 12 คาดว่า อาจจะใช้เวลาหลายปี เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว
ส่วนสหรัฐฯ ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งของโลก โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจชั้นนำของสหรัฐฯปรับลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลจากมาตรการห้ามพลเมืองจากยุโรปเข้าสหรัฐฯและมาตรการกักกันในหลายพื้นที่กระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ การเดินทาง การขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตไปยังแหล่งจำหน่ายให้ผู้บริโภค คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะหยุดนิ่งอยู่ที่ร้อยละ 0 และในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเติบร้อยละ 5 คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯตลอดทั้งปีนี้จะเติบโตเพียงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบจากร้อยละ 1.2 เมื่อปีก่อน