ความตื่นตระหนกสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กำลังทำให้ประชาชนเกิดการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้เชิญผู้ประกอบการ และสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าประเภทต่าง ๆ เข้ามาสอบถามถึงสถานการณ์การผลิตและการจำหน่ายว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน ติดตามอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลาจึงขอให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนกจนต้องซื้อสินค้าไปกักตุนไว้
ส่วนสถานการณ์หน้ากากอนามัย ขณะนี้ได้ประสานไปยัง 11 โรงงานให้ปรับไลน์การผลิตเพิ่มสำหรับหน้ากากอนามัยที่ใช้ทางการแพทย์ ทำให้จากเดิมที่ผลิตได้วันละ 1,200,000 ชิ้น เพิ่มเป็น 1,760,000 ชิ้นแล้ว โดยจะกระจายไปยังสถานพยาบาล รวมถึงผู้ที่มีความต้องการใช้ ยอมรับว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ และในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือเรื่องการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน รวมถึงการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ ของบริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัด ยืนยันว่าจะกระจายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึงและดีที่สุด ส่วนวัตถุดิบที่จะใช้สำหรับการผลิตหน้ากากอนามัยมีการประสานงานไปยังจีนและประเทศอื่น ๆ เพื่อนำเข้าวัตถุดิบ หากมีโรงงานไหนที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ภาครัฐจะเข้าไปอุดหนุนต้นทุนส่วนเกินให้
ขณะที่การส่งออกหน้ากากอนามัย ในภาวะที่ประเทศกำลังขาดแคนยังมีการส่งออกอยู่ นายจุรินทร์ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามประกาศ ห้ามส่งออก เว้นแต่ได้รับอนุญาต หรือเป็นหน้ากากอนามัย ประเภทอื่นที่ประเทศไทยไม่ได้ใช้ก็จะส่งออกได้
นายจุรินทร์ กล่าวถึง กรณีที่มีการเปิดเผยว่ามีที่ปรึกษาหญิงของรัฐมนตรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับค่าหัวคิวการผลิตหน้ากากอนามัย ว่าถ้าหากพบผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีโดยไม่ยกเว้น
....