ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563

20 กุมภาพันธ์ 2563, 07:52น.



นายกฯ ยอมรับต้องมีมาตรการให้ไทยเที่ยวไทย ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง



         พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ จ.นครราชสีมาว่า จะต้องมีการจัดแคมเปญอยู่แล้ว ตามระยะเวลา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) จะจัดมวยไทยไฟต์ กีฬา การแสดงและการวิ่ง จังหวัดนครราชสีมา จะทยอยดำเนินการ ถ้านายกฯไม่ติดภารกิจก็จะมาร่วมด้วย ส่วนเรื่องที่ไม่เห็นด้วยวันหยุดยาว 9 วัน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเพิ่มเติมในภาพรวมของประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ กระแสตอนนี้มีทั้งปัญหาภายนอก เรื่องการท่องเที่ยวจากจีนที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่หลายประเทศก็ต้องระมัดระวังประชาชนของเขาด้วย ซึ่งเราไม่ได้มีนักท่องเที่ยวจากจีนอย่างเดียว ยังมีประเทศอื่นด้วย รวมประมาณ 40 ล้านคน จีนอยู่ในจำนวน 10 ล้านคน เมื่อประเทศอื่นห้ามประชาชนออกนอกประเทศ เราก็ได้รับผลกระทบ เราต้องยอมรับสถานการณ์ตรงนี้ ดังนั้น จะต้องมีมาตรการให้คนไทยเที่ยวในประเทศในเมืองหลัก เมืองรอง และข้อสำคัญมีเงินจะเที่ยวหรือไม่ นั้นคือประเด็นที่กำลังพิจารณาทั้งหมด



ยกระดับเฝ้าระวัง 8 จังหวัด กลุ่มเสี่ยงที่ทำงานใกล้ชิดนทท.ต่างชาติ



          นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข เน้นเฝ้าระวังคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และพบว่าช่วงแรกมีคนไทยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 เช่น พนักงานขับรถ คนทำงานบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ยังเป็นกลุ่มเสี่ยง ทำให้ยกระดับการเฝ้าระวัง ขยายกลุ่มเฝ้าระวังใน 8 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ และเชียงราย เฝ้าระวังประชาชนในพื้นที่ถึงแม้ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ หากพบผู้ที่มีไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ และในช่วง 14 วันย้อนหลังพบอาการมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็จะต้องเฝ้าระวังและตรวจหาสาเหตุของการป่วย



รพ.สงขลานครินทร์ แถลงว่ามีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง แต่ยังไม่มีการติดเชื้อโควิด-19



          หลังจากมีการเปิดเผยทางเพจเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่ามีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ 1 คน รศ.นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รศ.นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และ รศ.นพ.ศรัญญู ชูศรี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายโรงพยาบาลและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ แถลงถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยรศ.นพ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังจำนวน 1 คน และมีการแชร์ข้อความกันไปเป็นจำนวนมาก เกรงจะมีความตื่นตระหนกเกิดขึ้น จากข้อมูลพบว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นบุคลากรของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีประวัติเดินทางไปเที่ยวที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1-2 ก.พ. จากนั้นวันที่ 8-11ก.พ. ได้เดินทางไปเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ และใน วันที่ 16 ก.พ. มีอาการปวดหัว เจ็บคอ มีน้ำมูกและปวดเมื่อยตามตัว ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จึงได้เข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคติดเชื้อทางอากาศ โดยพบว่านอกจากอาการแล้วยังมีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค จึงได้เข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคซึ่งเป็นมาตรการเฝ้าระวังสูงสุด ขณะนี้ผู้ป่วยรายนี้ได้เข้ารับการรักษาตัวในห้องควบคุมความดันอากาศ หรือห้อง negative pressure เพื่อไม่ให้เชื้อภายในห้องนั้นออกมาสู่ภายนอก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ให้ผลเป็นลบ ซึ่งหมายถึงยังไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องรอการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการจากกระทรวงสาธารณสุขอีก 1 แห่ง เพื่อเป็นการยืนยันผลอย่างชัดเจน



จับพ่อค้าออนไลน์ ขายหน้ากากอนามัยแพงเกินจริง



          นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กองตรวจสอบและปฏิบัติการได้ตรวจสอบการจำหน่ายหน้ากากอนามัย ทางออนไลน์ โดยพบเฟซบุ๊กรายหนึ่งจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ราคาชิ้นละ 14 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการล่อซื้อทางเฟซบุ๊ก 29 กล่อง ๆ ละ 50 ชิ้น รวมเป็น 1,450 แผ่น เป็นเงินจำนวน 20,300 บาท โดยนัดส่งของบริเวณเชิงสะพานพระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด เมื่อถึงเวลาส่งของได้พบกับเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวมาส่งของให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ราคา 14 บาท/ชิ้น ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เมื่อชำระเงินพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมทันที ได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล เพื่อดำเนินคดีข้อกล่าวหาจำหน่ายสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29 ตามคดีอาญาเลขที่ 37/63 เลขบัญชีของกลาง 15/63 โดยโทษความผิดเกี่ยวกับการสร้างความปั่นป่วนราคาขายให้สูงกว่าความเป็นจริงในมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งขอเตือนร้านค้าและพวกที่ขายในออนไลน์ อย่าฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร หากประชาชนพบการกระทำแจ้งสายด่วน 1569 ได้ทันที



แจ้ง 2 ข้อหาชายเมาแล้วขับในพื้นที่สมุทรปราการ ส่วนน้องสาวที่มาขวาง หากเข้าข่ายเอาผิดด้วย



          พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีที่มีการนำเสนอข่าว คลิปวิดีโอในสื่อออนไลน์ กรณีผู้หญิงคนหนึ่งไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำพี่ชายไปตรวจแอลกอฮอล์หลังจากขับรถชนจนเกิดอุบัติเหตุว่าได้รับรายงานจาก ภ.จว.สมุทรปราการ ว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบถามพยานแวดล้อม ทราบว่าผู้ต้องหา ซึ่งเป็นอาจารย์ของ มรภ. แห่งหนึ่งมีลักษณะคล้ายคนเมาสุรา ขับรถยนต์ชนท้ายรถจักรยานยนต์ของสายตรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ทำให้รถของผู้ต้องหาเสียหลักไปชนกับรถยนต์ที่จอดขายน้ำ กับคนที่ยืนขายอาหารริมทาง แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมให้ความร่วมมือ ไม่ยอมลงจากรถ ไม่ยอมเรียกประกัน ต่อมาได้มีหญิงสาวคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นน้องสาวของผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เฉี่ยวชน เข้ามาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในขณะที่ ผู้ต้องหา กำลังจะขับรถน้องสาวหลบหนีไป ร.ต.อ.อดุลย์ มงคลเจริญ ที่สังเกตอาการของผู้ต้องหาอยู่ตลอดเพื่อรอเชิญไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เห็นว่าผู้ต้องหาขึ้นรถของน้องสาวในตำแหน่งคนขับ ติดเครื่องยนต์พร้อมออกตัว จึงเข้าไปขัดขวางไว้ แต่น้องสาวของผู้ต้องหาก็เข้ามาขัดขวางไม่ให้ ร.ต.อ.อดุลย์ เข้าไปแตะต้องพี่ชาย จนมีปากเสียงกัน จนสุดท้าย ยอมไปที่โรงพยาบาล แต่ยืนยันจะเดินทางไปเอง จึงมอบหมายให้สายตรวจนั่งไปในรถของน้องสาวผู้ต้องหาด้วย แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ผู้ต้องหากลับไม่ยอมลงจากรถ จากนั้นจึงให้ไปที่ สภ.พระประแดง เพื่อลงบันทึกประจำวัน และเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ผลวัดได้ 145 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์



          รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่รถขณะเมาสุราเฉี่ยวชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายกับผู้ต้องหา ในส่วนของน้องสาวที่ขัดขวางเจ้าพนักงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการตรวจว่าเข้าข่ายความผิดในการขัดขวางการทำงานของเจ้าพนักงานหรือไม่ หากพบว่าผิดจริงก็จะดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป กลับกันหากผู้หญิงที่ปรากฎในคลิป อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย สามารถมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่เกิดเหตุได้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



          ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาในทุกข้อหาความผิดและให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย กำชับให้กองบัญชาการทุกภาคส่วนเพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เพราะนอกจากจะเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบไปถึงผู้อื่นอีกด้วย



CR:ภาพจากรพ.สงขลานครินทร์




 

ข่าวทั้งหมด

X