สทนช.เร่งแก้น้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา
การบริหารจัดการน้ำเพื่อควบคุมความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในการผลิตน้ำประปา นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงเรือสำรวจแม่น้ำเจ้าพระยา ติดตามการตรวจวัดคุณภาพน้ำบริเวณปากคลองมหาสวัสดิ์ เขตตลิ่งชัน จากนั้นเดินทางต่อไปที่ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ มีการเพิ่มการระบายน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง ผ่านคลองมหาสวัสดิ์ ในปริมาณ 60 ลบ.ม. ต่อวินาที คิดเป็นปริมาณน้ำที่ระบายเพิ่มเติมอีก 500 ล้านลูกบาศก์เมตร ไปจนถึงเดือนมิ.ย. (จากเดิมที่มีแผนระบายแล้ว 500 ล้านลูกบาศก์เมตร) มาช่วยผลักดันความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมทั้งปิด-เปิด บานระบายให้สัมพันธ์กับช่วงเวลาน้ำขึ้น–น้ำลง สอดคล้องการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ด้านท้ายแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ฯ จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะปิดประตูระบายน้ำในช่วงเวลาน้ำขึ้น เพื่อไม่ให้น้ำเค็มรุกเข้ามาในแม่น้ำและจะเปิดบานระบายน้ำในช่วงเวลาน้ำลงเพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ไล่น้ำเค็มออกสู่ทะเลโดยเร็ว
ส่วนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ ประกอบด้วย ลุ่มน้ำสาละวิน โขงเหนือ ปิง วัง ยม น่าน เจ้าพระยา ท่าจีน สะแกกรัง และป่าสัก สทนช.เร่งดำเนินการตามแผนให้เสร็จโดยเร็ว โครงการในกลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่มีทั้งหมด 13,748 โครงการๆที่อยู่ในระยะเร่งด่วน เป็นโครงการแก้ปัญหาภัยแล้ง 653 โครงการ บรรเทาพื้นที่ภัยแล้งได้ 161,000 ไร่ เป็นโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วม จำนวน 100 โครงการ สามารถบรรเทาพื้นที่น้ำท่วมได้ 194,000 ไร่
โครงการแก้ไขและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง มีโครงการสำคัญคือโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ดำเนินการออกแบบรายละเอียด พร้อมศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA การเวนคืนที่ดินและจัดเตรียมพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ ปี 2562-2566 กรอบวงเงินรวมประมาณ 21,000 ล้านบาท ประกอบด้วยงานขุดลอกคลองระบายน้ำ ระยะทาง 22.4 กม. ระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม./วินาที ก่อสร้างถนนบนคันคลอง ประตูระบายน้ำในลำน้ำและปลายคลองขุด และก่อสร้างเขื่อนพระนครศรีอยุธยา หากก่อสร้างเสร็จแล้ว สามารถระบายน้ำในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาได้เพิ่มขึ้นรวม 2,000 ลบ.ม./วินาที ที่ผ่านมา หากมีปริมาณการระบายมากกว่า 800 ลบ.ม./วินาที จะเกิดผลกระทบต่อชุมชนริมน้ำ พื้นที่เขตเศรษฐกิจ โบราณสถานสำคัญ และพื้นที่ชุมชนเมืองพระนครศรีอยุธยา
รมว.สธ.ย้ำว่าไม่เคยปิดบังเรื่องยอดผู้ป่วย
กรณีผู้โดยสารจากเรือเวสเตอร์ดัมต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งผู้โดยสารในเรือบางคนป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่าได้ประสานขอความร่วมมือทุกสายการบินไม่ให้นำผู้โดยสารทุกคนจากเรือลำนี้เข้าประเทศไทย ส่วนตัวไม่ต้องการออกเป็นคำสั่ง แต่จากนี้จะต้องคุยกับทุกสายการบินให้เข้าใจตรงกันว่าไทยจะไม่รับผู้โดยสารจากเรือลำนี้เข้าประเทศ หากสายการบินใดรับมาต้องรับผิดชอบหากมีเหตุเกิดขึ้น ย้ำว่าไม่เคยปิดบังเรื่องยอดผู้ป่วย เห็นได้จากการเป็นประเทศแรกที่พบผู้ป่วยโรคนี้นอกแผ่นดินจีน และการแจ้งสิ่งต่างๆเกี่ยวกับการป่วยมาตลอด พร้อมแจ้งเหตุผลที่กระทรวงสาธารณสุขขอให้คนไทยทบทวนการเดินทางไปบางประเทศว่าเป็นไปตามการวิเคราะห์สถานการณ์การระบาดของโรคในแต่ละประเทศของกระทรวง ขอประชาชนฟังข้อมูลจากกระทรวงเป็นหลัก หากมีข้อสงสัยโทรสอบถามที่สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422
2 ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หัวหินหายดีแล้ว
การรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 2 คน ที่พบที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แถลงผลสำเร็จหลังผู้ป่วยทั้ง 2 คน หายดีเป็นปกติ แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว ผู้ป่วยคนแรกเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน อายุ 73 ปี เข้ารักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน ก่อนส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี จนหายดี ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2563) ส่วนคนที่ 2 เป็นชาวไทย อายุ 45 ปี เป็นคนขับรถแท็กซี่ในพื้นที่ที่ติดเชื้อไวรัสมาจากนักท่องเที่ยวจีนรายแรก เข้ารักษาตัววันที่ 2 ก.พ.หายดีออกจากโรงพยาบาลหัวหินเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจังหวัดมีมาตรการป้องกันโรคที่ดี
ด้านพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 กล่าวว่า ความสำเร็จในการรักษาเกิดจากการทำตามมาตรฐานของระบบที่วางไว้ ตั้งแต่การคัดกรอง, การรับ-ส่งผู้ป่วย รวมถึงการมีความพร้อมในทุกด้าน ยืนยันว่าทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
รมว.คลัง เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การกระตุ้นเศรษฐกิจไทย หลังเจอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบในวันที่ 25 ก.พ.นี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว, พนักงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไปให้มีเงินใช้เพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น มั่นใจว่าจะเริ่มใช้ได้ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ และจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2563 ให้เร็วเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง คาดว่า เดือนพฤษภาคมจะมีงบลงทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากกว่า 100,000 ล้านบาท และมีงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจเข้าระบบอีกกว่า 100,000 ล้านบาทด้วย
จำนวนผู้ป่วยที่หายดีจากเชื้อโควิด-19 ในจีน มีมากกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่
สำนักข่าวซินหัว ของทางการจีน รายงานอ้างคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนว่าจำนวนผู้ป่วยที่หายจากเชื้อโรคโควิด-19 ซึ่งแพทย์ได้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันอังคาร อยู่ที่ 1,824 คน สูงกว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในวันเดียวกันซึ่งอยู่ที่ 1,749 คน แพทย์อนุญาตให้คนที่หายป่วยกลับบ้านได้แล้วรวมทั้งสิ้น 14,376 คน
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน รายงานว่า จำนวนผู้ป่วยรายใหม่นอกมณฑลหูเป่ย ศูนย์กลางการแพร่ระบาด ลดลงต่อเนื่อง 15 วันแล้ว ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่นอกมณฑลหูเป่ยเมื่อวันอังคาร รวมอยู่ที่ 56 คน ลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.
นักลงทุนเทขายหุ้น หันไปถือครองทองคำ
การลงทุนในตลาดหุ้นไทย เริ่มต้นเคลื่อนไหวในแดนบวก จากนั้นเริ่มปรับตัวเข้าสู่แดนลบในช่วงบ่าย เนื่องจาก นักลงทุนกังวลเชื้อไวรัส และเทขายหันไปซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ที่ปรับเพิ่มขึ้น ล่าสุด รัสเซีย ประกาศห้ามคนจีนเข้าประเทศตั้งแต่ 20 ก.พ.นี้ ทำให้ในวันนี้ตลาดหุ้นไทย ปิดตลาด 1,505.54 จุด ลดลง 8.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 68,726.32ล้านบาท
การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดบวก 206.90 จุด ที่ 23,400.70 จุด ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 27,655.81 จุด เพิ่มขึ้น 125.61 จุด
ศาลอุทธรณ์เกาหลีใต้ ตัดสินจำคุกอดีตประธานาธิบดี 17 ปี รับสินบนและยักยอก
นายลี มยองบัก วัย 78 ปี อดีตประธานาธิบดีปี 2551-2556 ถูกตั้งข้อหารับสินบนและยักยอกในคดีที่เกี่ยวข้องกับดีเอเอส (DAS) บริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ของพี่ชาย เป็นอดีตประธานาธิบดีคนที่ 4 ของประเทศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญา ศาลชั้นต้น ตัดสินเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ให้ลงโทษจำคุก 15 ปี เพราะพบว่าเขาคือเจ้าของบริษัทตัวจริง และใช้อำนาจประธานาธิบดีเอื้อประโยชน์ให้บริษัทและตัวเอง เช่น รับสินบนจากซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ในรูปของค่าปรึกษาทางกฎหมายให้แก่ดีเอเอส เขาได้รับการประกันตัวเมื่อเดือนมีนาคมปีก่อน ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพและยื่นอุทธรณ์
ศาลสูงโซล ซึ่งเป็นศาลอุทธรณ์ มีคำตัดสินในวันนี้ว่า นายลี ละเลยหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะประธานาธิบดี กระทำความผิด เช่น รับสินบนจากข้าราชการหรือบริษัท มีความผิดฐานยักยอกเงิน 25,200 ล้านวอน (ราว 660 ล้านบาท) จากดีเอเอสและรับสินบนทั้งหมด 9,400 ล้านวอน (ราว 246 ล้านบาท) ในจำนวนนี้ 8,900 ล้านวอน (ราว 233 ล้านบาท) รับจากซัมซุง มากกว่าที่ศาลชั้นต้นตัดสินว่านายลีมีความผิดฐานยักยอกเงิน 24,600 ล้านวอน (ราว 645 ล้านบาท) และรับสินบน 8,500 ล้านวอน (ราว 223 ล้านบาท) ศาลอุทธรณ์ จึงตัดสินจำคุกนายลี 17 ปี ปรับเงิน 13,000 ล้านวอน (ราว 340 ล้านบาท) และอายัดทรัพย์ 5,780 ล้านวอน (ราว 152 ล้านบาท) น้อยกว่าที่อัยการยื่นฟ้องเมื่อเดือนม.ค.ให้ลงโทษจำคุก 23 ปี เพราะไม่สำนึกต่อการกระทำผิดและกล่าวโทษคนอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
แฟ้มภาพ