หลังจากตำรวจคุมตัวนายจักรัตน์ และ น.ส.กุลิสรา นายหน้าจัดหาหญิงสาวมารับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งผู้ต้องหา 2 คนนี้เป็นอีกเครือข่ายหนึ่งกับนายจ้าวหลานที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหา 2 คนนี้ เป็นการขยายผลจากการสอบสวนแม่อุ้มบุญรายหนึ่งให้การว่า เคยรับจ้างอุ้มบุญให้กับเครือข่ายของผู้ต้องหา 2 คนนี้ด้วย ซึ่งขั้นตอนการอุ้มบุญ ผู้ต้องหาจะพาแม่อุ้มบุญ ไปตรวจมดลูกที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ จากนั้นพาไปฝังตัวอ่อนที่มาเลเซีย เมื่ออายุครรภ์ 7-8 เดือน จะพาไปคลอดที่ประเทศจีน โดยแม่อุ้มบุญจะได้ค่าจ้าง 400,000 บาท จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พบว่า มีการเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทยไปประเทศมาเลเซีย ประเทศกัมพูชา และประเทศจีน มากกว่า 100 ครั้ง เชื่อว่า ทำมานานมากกว่า 2 ปี เบื้องต้นแจ้งข้อหาเกี่ยวกับสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า และความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาชักชวนรับจ้างเป็นแม่อุ้มบุญ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ตำรวจ เชื่อว่า 2 เครือข่าย อาจจะเชื่อมโยงกัน มีนายทุนใหญ่คนเดียวกัน เนื่องจาก พบว่ามีการพาแม่อุ้มบุญไปคลอดในสถานพยาบาลเดียวกันในประเทศจีน ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวนายทุนใหญ่ เพราะเชื่อว่ามีกลุ่มนายหน้าแม่อุ้มบุญในประเทศไทยอย่างน้อย 6-7 กลุ่ม
สำหรับเครือข่ายนายจ้าวหลาน ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแม่อุ้มบุญ ทั้ง 15 คน ส่วนการตรวจหลักฐานอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พบในบ้านพักของนายจ้าวหลาน จะส่งให้กระทรวงสาธารณสุข ช่วยตรวจสอบว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา หรือไม่ มีการครอบครองถูกต้องหรือไม่ คาดว่า จะทราบผลในการหารือกับตัวแทนกระทรวงสาธารณสุขในวันจันทร์นี้