ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.ประจำวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
ผบ.ทบ.ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ในฐานะ ผบ.ทบ.ขอโทษและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลของกองทัพบกต่อกรณีกราดยิงที่ห้างดังในจ.นครราชสีมา และยอมรับว่า มูลเหตุของผู้ก่อเหตุ เกิดจากไม่ได้รับความเป็นธรรม จากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติที่ได้มีการซื้อขายที่ดิน และผิดสัญญากัน รวมถึงเรื่องผลตอบแทน สำหรับรายละเอียดนั้นต้องไปสืบต่อว่ามีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา เมื่อผิดสัญญากันจึงทำให้เกิดแรงจูงใจในครั้งนี้
ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายที่ดินในหน่วยงานทหาร โครงการเช่นนี้มีจำนวนมากหรือไม่ และจะแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า กองทัพบกถูกตั้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน มีโครงการหลายอย่างเป็นจำนวนมาก ที่พูดมาไม่ได้ไปตำหนิ ติเตียนใคร ในห้วงเวลาและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เคยมีโครงการเช่นนี้ อย่างเช่นบ้านสวัสดิการ การกู้เงิน การร่วมมือระหว่างหน่วยทหารกับพ่อค้า มีการวิ่งเต้น ไม่อยากลงรายละเอียด และเรื่องทั้งหมดนี้ตนทราบและรับรองว่า อีก 3 เดือนต่อจากนี้ตั้งแต่ระดับนายพลถึงระดับพันเอกหลายคนไม่มีงานแน่ และตนก็ไม่สนเพราะรู้ข้อมูล และตนเติบโตมากับความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องในหลายเรื่อง ซึ่งตนไปเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า “พี่ครับ ผมต้องทำ” ก่อนหน้าที่จะมาเป็นผบ.ทบ. ตนได้เล็งเห็นปัญหามาโดยตลอด และเมื่อมารับตำแหน่งก็ตั้งใจที่จะมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเรื่องก่อหน้านี้ก็ขอให้ผ่านไป แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ในสิ่งที่ถูกต้อง
เมื่อวานนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) และเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลพร้อมใจกัน แต่งกายไว้ทุกข์ด้วยเสื้อสีสุภาพ เทา ขาว น้ำเงินเข้ม เพื่อไว้อาลัยต่อการสูญเสียจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้เดินทางไปร่วมพิธีสวดอภิธรรมผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ที่จังหวัดนครราชสีมา สำหรับคณะที่เดินทางไปพร้อมนายกฯประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายฉัตรชัย ช้างมงคลและนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า รัฐบาลจะเร่งหามาตรการเยียวยาทุกกลุ่ม โดยการตั้งคณะกรรมการติดตามมาตรการที่จะช่วยเหลือเยียวยาทุกๆ คนที่ได้รับผลกระทบนอกเหนือจากสิ่งที่พึงได้รับตามกฎหมายตามแต่กรณี เบื้องต้นมีธนาคารของภาครัฐออกมาแสดงความจำนงช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบบ้างแล้ว เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เชื่อว่านอกจากธนาคารของรัฐแล้วจะมีธนาคารพาณิชย์อื่นๆ จะมีมาตรการช่วยเหลือตามมารวมทั้งในภาคเอกชนด้วย ทั้งสภาอุตสาหกรรมสภาหอการค้ากำลังหารือกันถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้รายงานสถานการณ์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเลขผู้เสียชีวิต 30 รายหนึ่งในนั้น คือผู้ก่อเหตุ ส่วนอีก 29 รายมีการจัดพิธีศพ ในจังหวัดนครราชสีมา 18 ราย นอกจังหวัดนครราชสีมาอีก 11 ราย ซึ่งมีใน กทม. สมุทรปราการ สกลนคร อุดรธานี หลังการรายงานสถานการณ์ ผู้เสียชีวิตแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ ได้ขอให้นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เป็นเจ้าภาพประสานงานกับ ครม.ว่าทั้ง 29ราย ที่จัดพิธีศพที่วัดไหนอย่างไรบ้าง ครม.ที่สะดวกจะไปร่วมงานจะได้ประสานงานไปที่จุดศูนย์รวมเดียว ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 58 ราย 29 รายเดินทางกลับบ้านแล้ว ส่วนอีก 29 ราย ยังอยู่ในโรงพยาบาล
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมจะจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำเอกสารคดีเรียบร้อยแล้ว และหลังจากได้ข้อมูลจะสามารถจ่ายเงินให้กับญาติผู้เสียชีวิตได้ภายใน 7 วัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 1 คนที่ยังไม่ได้นำร่างออกจากโรงพยาบาล ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยไม่เกิน 7 วันได้รับเงินเยียวยาแน่นอน ส่วนจำนวนเงิน ต้องดูเป็นกรณีไป แต่ขั้นต่ำไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาท
เล็งแก้พรบ.คอมพ์ เพิ่มโทษพวกป่วน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่าหลังเกิดเหตุมีหลายรายที่พยายามสร้างการลอกเลียนแบบใช้สถานการณ์ที่ จ.นครราชสีมา หลังจากที่เราได้ข้อมูลจากประชาชนก็ดำเนินการติดตามจับกุมได้ 4-5 ราย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พร้อมมอบหมายให้รองปลัดกระทรวงดีอีเอส รวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องการใช้และบังคับใช้กฎหมายในเชิงการสื่อสาร โดยเฉพาะสื่อดิจิทัล พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ และกฎหมายอื่นๆ ที่ต้องปรับปรุง รวมถึงบทลงโทษที่ต้องปรับปรุงเน้นบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น
สั่งสอบ สส.ทุกรายเสียบบัตรแทนกัน พบผิดชัดส่ง‘ปปช.’เชือด
การตรวจสอบกรณี ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกัน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกำลังดำเนินการอยู่ โดยให้ตรวจสอบทุกกรณี ไม่ใช่แค่ในรายที่ถูกร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ให้ตรวจสอบทุกรายว่าแต่ละรายข้อเท็จจริง เป็นอย่างไรเพราะมีกรณีทั้งที่ตัวอยู่ในห้องประชุมและตัวไม่อยู่ในห้องประชุม จะต้องตรวจสอบทุกรายแต่เลขาธิการสภาฯแจ้งตนมาว่าเจ้าหน้าที่ ไม่ค่อยอยากสอบ ส.ส. หากพบความผิดชัดเจน เราสามารถส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้ซึ่งไม่มีใครจะไปยกเว้นใครได้ มันขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง
ส่วนแนวทางการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระที่2นั้น นายชวน กล่าวว่าเป็นไปตามข้อบังคับตามกฎหมายในวาระ 2 จะต้องเริ่มตั้งแต่ชื่อ พ.ร.บ.คำปรารภ ต้องไล่ไปทีละมาตราจนจบ ส่วนฝ่ายค้านจะอภิปรายแต่ละมาตราก็เป็นสิทธิ จะอภิปราย 4-5 วันเหมือนเดิมก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่คนนอกก็จะรู้ว่าเจตนาอะไร เพราะการอภิปรายรอบที่แล้วได้พูดกันมาอย่างละเอียดแล้ว อภิปรายจนมากกว่าปกติโดยทั่วไป ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าได้มีการอภิปรายมาแล้วแต่ถ้ายังอยากทำเหมือนเดิมก็เป็นสิทธิทำได้ตามกฎหมายไม่มีอะไรห้ามได้ ทั้งนี้ เท่าที่ฟังจากสมาชิกส่วนใหญ่เขาก็บอกว่าอภิปรายกันมาแล้วคงไม่ได้ใช้เวลานานเหมือนเดิม
ขณะที่ซีกพรรคฝ่ายค้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยถึงผลการประชุมร่วมวิปฝ่ายค้านถึงการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณปี2563ในวาระ2และวาระ3ในวันที่ 13 ก.พ.ว่า ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุให้สภาฯนำร่างฯทำตามกระบวนการในวาระ2 และวาระ3ใหม่โดยมีความเห็นว่าเป็นประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ และอยู่ระหว่างหาวิธีว่าหากจะเข้าร่วมนั้น จะต้องไม่ใช่การสนับสนุนการกระทำที่ไม่ชอบดังกล่าว ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้าน ไม่ควรเข้าร่วมประชุม เพราะมองว่าคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้สภาฯลงมติวาระ2และวาระ3ใหม่นั้น อาจไม่ถูกต้อง คาดช่วงเช้าวันที่ 12 ก.พ.จะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พะเยา – น่าน
ตั้งแต่เวลา 07.00 น.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานน่านนคร ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานน่านนคร ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ไปยังวัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา สักการะพระพุทธรูปพระเจ้าตนหลวง ณ วัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาหนองเล็งทราย ณ หนองเล็งทราย ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พบกับประชาชน /เยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP ของจังหวัดพะเยา
จากนั้นเดินทางต่อไปจังหวัดนาน เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของจังหวัดน่าน มอบโฉนดที่ดินคืนให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรและการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร ให้แก่เกษตรกร จำนวน 2 ราย เป็นประธานสักขีพยานในโอกาส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ภายใต้โครงการจัดที่ดิน ทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบเอกสารโครงการจัดระเบียบการใช้ที่ดินป่าไม้ให้ชุมชน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ คทช. ให้แก่ ผู้แทนชุมชน จำนวน 5 ราย จากนั้นพบประชาชน ละ/เยี่ยมชมนิทรรศการการพัฒนาจังหวัดน่านในมิติต่าง ๆ
เวลา 15.35 น. นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน (บ้านน้ำเกี๋ยน) : เป็นชุมชนหมู่บ้า เกษตรนวัตวิถีซึ่งได้รับการพัฒนาและต่อยอดเรื่องสมุนไพร ผลิตภัณฑ์มีชื่อเสียงจนได้รับรางวัลในระดับประเทศและระดับโลก โดยมีหน่วยงานภาครัฐได้เข้าไปส่งเสริมและพัฒนาทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ณ วิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน (บ้านน้ำเกี๋ยน) ตำบลน้ำเกี๋ยน อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
ปิดท้ายวันนี้ *สสส.แถลงเรื่องการส่งเสริมการมีสุขภาวะทางเพศ วัยรุ่น 2020 รู้จักป้องกันท้อง ป้องกันโรค เนื่องในวันถุงยางอนามัยสากล