ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563

11 กุมภาพันธ์ 2563, 19:54น.


ทีมจิตวิทยา ประเมินสภาพจิตใจผู้สูญเสียเหตุกราดยิง



          การเยียวยาจิตใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยกับผู้บาดเจ็บและญาติผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิง ระหว่าง 8-10 ก.พ.ผลการประเมินสภาวะทางจิตใจ พบว่า กลุ่มครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้รอดชีวิต และบาดเจ็บ ทั้งหมด 247 คน พบเครียดในระดับสูง 91 คน อีก  9 คน มีอาการหวาดกลัวรุนแรง นอนไม่หลับ ต้องให้การรักษาเพื่อคลายเครียด อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่และติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เหลืออีก 156 คน เครียดระดับน้อยถึงปานกลาง ได้ให้การดูแลทางใจและปรึกษาคลายเครียด และจะติดตามประเมินเป็นระยะๆ ตามแผน สำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งกระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ นั้นได้ให้ รพ.จิตเวช ในพื้นที่ดูแลไปจนกว่าจะหมดความเสี่ยงและกลับคืนสู่สภาวะปกติ



          ส่วนผู้อยู่ในเหตุการณ์และเห็นเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด กลุ่มนี้จะเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจและการตรวจคัดกรองหาผู้ที่มีความเสี่ยงเกิดผลกระทบเพื่อให้การเยียวยาต่อไป ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการทีมเอ็มแคทฉุกเฉินอยู่ที่ รพ.จิตเวช มี นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นผู้บัญชาการศูนย์ และมี นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ซึ่งก็มีผู้มาขอคำปรึกษาด้วยอาการตกใจง่าย หวาดผวา นอนไม่หลับ ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา และ รพ.จิตเวช แล้วรวม 8 คน



อัยการ ยืนยัน พิจารณาสำนวนคดีฆ่าชิงทอง จ.ลพบุรี อย่างรอบคอบ



          พล.ต.ท.วิสณุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำสำนวนคดีฆ่าชิงทองในห้างสรรพสินค้าจังหวัดลพบุรี จำนวน 4 แฟ้ม เอกสารรวม 1,665 หน้า พร้อมความเห็นสั่งฟ้องนายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้ต้องหารวม 9 ข้อหา ส่งมอบให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นทางคดี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา 



          พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยถึง  เรื่องกระบอกเก็บเสียงอาวุธปืน แม้จะหาไม่พบตามคำให้การของผู้ต้องหา แต่จากการสอบสวนผู้ต้องหา และพยานประมาณ 80 ปาก สามารถลำดับวัตถุพยาน อาวุธปืน รถที่ใช้ก่อเหตุ ประกอบกับผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อว่า พยานหลักฐานมีเพียงพอเอาผิดได้ ส่วนเหตุผลที่ฟ้องผู้ต้องหาเพียงคนเดียว เนื่องจาก ผลการสอบสวนชัดเจนว่า ผู้ต้องหามีการวางแผนเตรียมการอย่างดี เป็นขั้นตอน มีการหลอกบุคคลใกล้ชิด รวมถึงภรรยาจนไม่ทราบข้อเท็จจริง



          นายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ยืนยันว่า พนักงานอัยการจะพิจารณาสำนวนคดีอย่างรอบคอบ และจะพยายามบรรยายฟ้องให้ศาลพิจารณาลงโทษสถานหนัก หากศาลเห็นว่าเหตุที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเป็นเพราะจำนนต่อหลักฐานอาจไม่ลดหย่อนโทษให้ ขอประชาชนเชื่อใจการทำหน้าที่ของอัยการกองคดีอาญา 6



          สำหรับ 9 ข้อหาที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายประสิทธิชัย ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำผิดอื่น หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความปิดอื่นที่ตนกระทำไว้  2.พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น  3.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้อาวุธและใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส  4.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุม  5.พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และโดยไม่ได้รับอนุญาต  6.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 7.มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้  8.ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและฐานชิงทรัพย์  9.มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 



กรมราชทัณฑ์ ประสานตำรวจติดตามผู้ต้องขังหลบหนี



          พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้ประสานขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือในการติดตามจับกุมและนำกำลังปิดล้อมพื้นที่ต้องสงสัย ติดตามเหตุผู้ต้องขังหลบหนีจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทราบชื่อคือ น.ช.กฤษดา ม่วงแพร ผู้ต้องขังคดีลักทรัพย์ กำหนดโทษ 3 ปีและจะพ้นโทษในวันที่ 28 ก.พ. ก่อเหตุหลบหนีขณะออกฝึกวิชาชีพภายนอกเรือนจำ



          กรมราชทัณฑ์ ระบุว่า สถิติผู้ต้องขังหลบหนีตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 จนถึงปัจจุบันมีผู้ต้องขังหลบหนีทั้งสิ้น 8 คน ซึ่งสามารถจับกุมกลับมาได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังออกรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกและผู้ต้องขังที่ฝึกวิชาชีพภายนอกเรือนจำ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการควบคุมผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ว่าจะสามารถจับกุมผู้ต้องขังที่หลบหนีกลับมาได้อย่างแน่นอน การที่ผู้ต้องขังหลบหนีระหว่างคุมขัง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนีหรือให้การสนับสนุนในการหลบหนี หรือให้ที่พักอาศัยจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน จึงขอความร่วมมือจากญาติและบุคคลใกล้ชิดของผู้ต้องขังเกลี้ยกล่อมขอให้เข้ามอบตัว และหากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  หมายเลขโทรศัพท์ 02-591-7060  ต่อ 1070 หรือ  081-467-8922 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



รัฐบาล ย้ำให้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมคนบนเรือสำราญ แต่ไม่ให้จอดเทียบท่า



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง เรื่องเรือสำราญเวสเตอร์ดัม ย้ำว่า ทางการไทยไม่อนุญาตให้จอดเทียบท่า ท่ามกลางสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาระบาด แต่พร้อมช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น การเติมน้ำมัน การส่งเสบียง น้ำและอาหาร ซึ่งเป็นการดำเนินการแบบเดียวกับต่างประเทศ มีคนจำนวน 2,000 กว่าคน บนเรือ เพราะฉะนั้นเราต้องระวัดระวังการแพร่กระจายไประยะที่ 3 วันนี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ยังควบคุมได้ หรือดูแลผู้ที่มาจากต่างประเทศได้ แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ



          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเรือสำราญลำนี้ ที่มีขนาดความยาว 282 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 1,964 คน จะไปจอดเทียบท่าเรือของประเทศใด มีการรายงานว่า ผู้โดยสารบนเรือไม่สบายใจ รวมถึง นายสตีเฟน แฮนเซน ซึ่งระบุทางอีเมลว่าในตอนแรกทุกคนคิดว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งผู้โดยสารจึงเริ่มวางแผนติดต่อจองตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง



          ด้านแอนเจลา โจนส์ นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน เปิดเผยว่า มีการตรวจอุณหภูมิของผู้โดยสารทุกคนอย่างสม่ำเสมอ แต่ทุกคนเริ่มรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสถานการณ์ไม่ชัดเจนเท่าที่ควรว่าเรือจะไปจอดที่ใด พร้อมแสดงความหวังว่าจะมีประเทศใดประเทศหนึ่งที่ยอมให้เรือสำราญลำนี้เข้าจอดเทียบท่า ผู้โดยสารทุกคนยินดีจะให้ตรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนปลอดจากเชื้อไวรัส



วุฒิสภา เห็นชอบ 4 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ



          การประชุมวุฒิสภาวันนี้ (11ก.พ.) ให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการประชุมลับ และใช้วิธีลงคะแนนลับด้วยการหย่อนบัตรลงคะแนน ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ด้วยคะแนน 216 ต่อ 3 เสียง  นายวิรุฬห์ แสงเทียน ด้วยคะแนน 216 ต่อ 3 เสียง  นายจิรนิติ หะวานนท์ ด้วยคะแนน 217 ต่อ 2 เสียง  นายนพดล เทพพิทักษ์ ด้วยคะแนนเสียง 203 ต่อ 12 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ



          ส่วนนายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ได้คะแนนเสียง 52 ต่อ 139 เสียง งดออกเสียง 28 เสียง ถือว่าได้รับคะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา หรือ 125 คะแนน  หลังจากนี้บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 4 คน จะไปประชุมร่วมกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ยังไม่พ้นวาระอีก 4 คน เพื่อเลือกตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะให้ประธานวุฒิสภานำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป



หุ้นไทย ร่วงลง 11.31จุด



         หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดบ่าย ปรับตัวลดลง 11.31 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,523.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,619.14 ล้านบาท ดัชนีฮั่งเส็ง ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 342.54 จุด ปิดที่ 27,583.88 จุด ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ได้แรงหนุนจากการที่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของจีน เริ่มกลับมาดำเนินการตามปกติเมื่อวานนี้ รวมทั้งรายงานที่ว่าธนาคารกลางและรัฐบาลจีนได้ประกาศอัดฉีดเงินทุนให้กับภาคเอกชนเพื่อลดผลกระทบของเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาด



แฟ้มภาพ 

ข่าวทั้งหมด

X