ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เมื่อช่วงเช้า ตรวจวัดได้ 33 -57 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 5 พื้นที่ คือ 1.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 มีค่าเท่ากับ 57 มคก./ลบ.ม. 2.เขตบางกะปิ ข้างป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ มีค่าเท่ากับ 53 มคก./ลบ.ม. 3.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ มีค่าเท่ากับ 53 มคก./ลบ.ม.4.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ มีค่าเท่ากับ 53มคก./ลบ.ม. 5.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม มีค่าเท่ากับ 57 มคก./ลบ.ม.
นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกทม.ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 อย่างต่อเนื่อง เพื่อประสานดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันที โดยมอบหมายให้ 50 สำนักงานเขต หากพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินกว่าค่ามาตรฐาน ให้เพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดถนนและทางเท้า การพ่นฉีดละอองน้ำในอากาศเพื่อดักจับฝุ่นละออง นอกจากนี้ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตรวจสอบสภาพรถไม่ให้ปล่อยควันดำ งดเผาในที่โล่งแจ้ง การปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีและลดมลพิษในอากาศ รวมถึงให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร ตรวจสภาพเครื่องยนต์ตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด ดูแลบำรุงรักษารถยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ เพื่อป้องกันไม่ให้มลพิษเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนกำชับพนักงานขับรถยนต์ให้ดับเครื่องยนต์ทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ปฏิบัติงานหรือจอดรถรอรับ-ส่ง
สำหรับดัชนีคุณภาพอากาศของสถานีตรวจวัดของกทม.พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับคุณภาพอากาศปานกลาง ขอให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐาน ดูแลรักษาสุขภาพ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยทางเดินหายใจ ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหรือสวมใส่หน้ากากอนามัย