กรมชลฯ เผยต้องใช้น้ำอย่างประหยัดเหลืออีกกว่า 3 เดือนกว่าจะเข้าฤดูฝน
สถานการณ์น้ำใน 35 เขื่อนใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 41,660 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 59 ของความจุอ่างรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมประมาณ 18,253 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของปริมาณน้ำใช้การได้ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,395 ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ 42 ของความจุอ่าง มีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 3,699 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 20 ของปริมาณน้ำใช้การได้ คงการระบายน้ำรวมกันประมาณวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. สำหรับใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และไม้ผลไม้ยืนต้นเท่านั้น
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2562/2563 ( 1 พ.ย. 2562 – 30 เม.ย. 2563) วันนี้มีการนำน้ำไปใช้แล้ว 8,404 ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ 47 ของแผนจัดสรรน้ำ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำตามแผนไปแล้วประมาณ 2,440 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 61 ของแผนจัดสรรน้ำ
แผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2562 ได้วางแผนเพาะปลูกพืชทั้งประเทศ รวมทั้งสิ้น 2.83 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 2.31 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.52 ล้านไร่ ข้อมูล วันที่ 29 ม.ค. ทั้งประเทศมีการเพาะปลูกรวม 3.61 ล้านไร่ เกินแผนที่วางไว้ร้อยละ 27 แยกเป็นข้าวนาปรัง 3.32 ล้านไร่ เกินแผนไปร้อยละ 43 และพืชไร่-พืชผัก 0.29 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 55 ของแผน จะเห็นว่า การเพาะปลูกรวมทั้งประเทศเกินแผนไปแล้วโดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกพืช เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุน
การบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2562/2563 ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนเข้าสู่ฤดูฝน กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอความร่วมมือจากสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าให้ปฏิบัติ ตามข้อกำหนดของกรมชลประทาน ขอให้ผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด
หุ้นไทยร่วงลงแรงปิดตลาด 1,496.06 จุด
การลงทุนในตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวันปิดที่ 1,496.06 จุด ลดลง 18.08 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,178.96 ล้านบาท นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในเชิงลบ วิตกความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจในเอเชียจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังติดลบอยู่เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่กลับมาเปิดเทรดวันแรกหลังหยุดช่วงตรุษจีน ปรับฐานราวร้อยละ 7 ทำให้ไปถ่วงตลาดเอเชีย ขณะที่ ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็เคลื่อนไหวในแดนบวกแคบ ๆ ราว ร้อยละ 0.1-0.2 นักลงทุนติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในวันพุธนี้ (5 ก.พ.) และมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ด้วย
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ดัชนีนิกเกอิ ร่วงลง 233.24 จุด ปิดที่ 22,971.94 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2562
ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 44.35 จุด ปิดที่ 26,356.98 จุด หลังจากที่ฮั่งเส็ง ปิดในแดนลบหลายวันติดต่อกันเนื่องจาก นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สธ.ยืนยันมาตรฐานการดูแลคนไทยกลับจากอู่ฮั่น
สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย พร้อมแผนเตรียมรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น 144 คน เดินทางกลับประเทศ น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การเดินทางรับคนไทยที่เมืองอู่ฮั่น จะเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย แอร์บัส A320 จำนวน 180 ที่นั่ง ประกอบด้วย ทีมแพทย์ 8 คน ลูกเรือ 4 คน นำทีมโดย นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฉุกเฉิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา จิตแพทย์ และพยาบาล ขณะที่ เมื่อช่วงเย็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ตนเองจะนำทีมแพทย์อีก 15 คนไปรับคนไทย
คนไทยที่เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่นทุกคน ก่อนขึ้นเครื่องจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพจากทีมแพทย์ไทยก่อน หากพบรายใดป่วย จะจัดที่นั่งแยกจากคนปกติทั่วไป และให้สวมหน้ากากอนามัย จากนั้น เมื่อทุกคนมาถึงประเทศไทย จะถูกตรวจอาการซ้ำอีกครั้ง หากมีอาการป่วยน้อยก็จะให้เฝ้าระวังที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ทีมแพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิด แต่หากใครที่มีอาการป่วยรุนแรงก็จะถูกส่งตัวไปยังห้องแยกโรคตามสถานพยาบาล เพื่อควบคุมโรค สำหรับขั้นตอนในการดูแลกลุ่มคนไทยจากเมืองอู่ฮั่นจะเป็นไปตามมาตรฐานสากลในด้านการรักษาและการควบคุมโรค กระทรวงต่างประเทศจะมีการประสานไปยังเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีน และสถานกงสุลใหญ่ในประเทศจีน ถึงวิธีการปฏิบัติรับคนไทยกลับประเทศ
สูตรยา รพ.ราชวิถี รักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
กรณี รพ.ราชวิถี ใช้สูตรยาต้านไวรัสเอชไอวีและยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ร่วมกันในการรักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มีอาการรุนแรงจนอาการดีขึ้นใน 12 ชั่วโมง และตรวจไม่พบเชื้อใน 48 ชั่วโมง แต่ในโซเชียลมีเดียได้นำรายงานการศึกษาของจีนว่ามีการใช้สูตรยา 2 กลุ่มนี้ร่วมกันเช่นกัน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคนี้เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ เกิดขึ้นไม่ถึง 2 เดือน ตอนนี้ยังไม่มีวิธีการรักษามาตรฐาน แพทย์จากรพ.ราชวิถี ได้ไปศึกษาว่า นอกจากการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว คือ ยาโลพินาเวียร์ และยาริโทนาเวียร์แล้ว พบว่า มีการใช้ยารักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ ยาโอเซลทามิเวียร์ ที่ช่วยรักษาโรคเมอร์สจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน จึงนำมาใช้ร่วมกัน โดยยาต้านไวรัสเอดส์ กลไกการทำงาน คือไปช่วยยับยั้งการขยายตัวของไวรัสในเซลล์ แต่ไวรัสในเลือดก็ยังเข้าไปในเซลล์ได้อยู่ดี แต่ยาโอเซลทามิเวียร์ จะช่วยทำให้เชื้อไวรัสใหม่ ไม่เข้าไปในเซลล์ ก็เป็นการลดทอน สำหรับกรณีที่ว่าจีนก็มีการรายงานผลการรักษาออกมาด้วยยาร่วมกันทั้ง 2 กลุ่มนี้เหมือนกัน ต้องขอทำความเข้าใจว่า เรารับผู้ป่วยมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค. และได้เริ่มทำการให้ยาตั้งแต่วันนั้น ขณะที่ ผลการศึกษาครั้งที่สองของจีนที่ออกมาตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศก็เป็นวันที่ 29 ม.ค.เช่นกัน และเวลาที่ไทยก็เร็วกว่าอังกฤษถึง 6 ชั่วโมง แต่ทีมแพทย์ของเรายังไม่ได้อ่าน
การรักษาของทีมแพทย์ รพ.ราชวิถี จึงเป็นการรักษาก่อนที่จะเห็นรายงานการรักษา ก็เรียกว่า คิดตรงกัน เขาอาจมีการใช้โอเซลทามิเวียร์ก่อนเรา แต่ยังไม่มีการตีพิมพ์ออกมา โดยเราใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ครั้งละ 2 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็น และยาโอเซลทามิเวียร์ 2 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็นซึ่งผลการรักษาเราจึงดีขึ้นเร็วใน 12 ชั่วโมงไข้ลด และผลแล็ปเป็นลบใน 48 ชั่วโมง ส่วนที่เราใช้ยาขนาดสูงเพราะเราพิจารณาแล้วว่า คนไข้มีอาการหนักและตัวใหญ่ขณะที่การมาดูผลการรักษาของจีนในภายหลังพบว่า ไทยเราใช้ขนาดดับเบิลกว่าจีน 2เท่า โดยจีนให้ยาต้านไวรัสเอดส์แค่ครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 2 เวลาเช้าเย็น และโอเซลทามิเวียร์ 1 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็น สำหรับวิธีการรักษาด้วยยาสูตรดังกล่าวเรากำลังส่งไปตีพิมพ์ที่ต่างประเทศ และกำลังนำเข้าที่ประชุมแนวทางการดูแลรักษา ซึ่งมีการนำรายงานการรักษาต่างๆ จากทั่วโลกมาพิจารณา ซึ่งสูตรยานี้ที่ใช้ก็อาจเสนอเป็นทางเลือกในการรักษาต่อไปว่า หากเจอผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และใช้ยาสูตรอื่นที่มีการนำเสนอแล้วไม่ได้ผลก็เอาสูตรนี้มาใช้เพิ่ม ก็ถือเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่จะต้องเก็บข้อมูลการใช้ให้มากขึ้น แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน
นพ.พจน์ อินทลาภาพร หัวหน้างานโรคติดเชื้อ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ รพ.ราชวิถี กล่าวว่ายาต้านไวรัสเอดส์ที่ใช้ถือเป็นยาอันตราย ต้องสั่งใช้โดยแพทย์ ดังนั้น การนำยามาใช้เองถือเป็นอันตราย ไม่ควรหามาใช้เอง แม้จะมีรูปภาพของยาเผยแพร่ออกไป เพราะยามีผลข้างเคียงมาก เมื่อเข้าไปในร่างกายและขับผ่านตับ จะไปลดการขับยาอื่นที่ตับด้วย จึงทำให้มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาอื่นร่วมด้วยได้ ถือเป็นเรื่องอันตราย เช่น อาจมียาหลายๆ ตัว เช่น ยาลดความดัน ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาไมเกรน ยารักษาไขมันในเลือด ยารักษาสิว ฯลฯ ถ้าให้ร่วมกันแล้วผลข้างเคียงมากขึ้นและเป็นอันตราย อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่ควรนำมาซื้อรับประทานเพื่อป้องกันหรือรักษาใดๆ ก็ตาม
นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี หนึ่งในแพทย์ผู้ให้การรักษาผู้ป่วย กล่าวว่า ผู้ป่วยจากอู่ฮั่นที่ได้รับยาสูตรนี้นั้น อาการดีขึ้น เอกซเรย์วันนี้อาการดีขึ้นชัดเจน ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องบอกว่ายังไม่ใช่หาย ผลตรวจจากเยื่อบุโพรงจมูกจากผลบวกเป็นลบ ส่วนผู้ป่วยอีกรายหนึ่งที่ใช้ยาเหมือนกันก็อาการดีมาก ตอนนี้แค่รอผลว่า ถ้าผลตรวจไม่เจอเชื้อ 2 วัน 2 ครั้ง ก็จะให้กลับบ้าน
ก.แรงงานคุมเข้มป้องกันเชื้อโคโรนาในกลุ่มแรงงาน
ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานว่าได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) สำรวจสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างจำนวนมากทั่วประเทศกว่า 1,900 แห่ง ลูกจ้าง 2.2 ล้านคน เพื่อดูมาตรการในการป้องกันไวรัสโคโรนาในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ผลสำรวจพบว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ใช้แรงงานติดเชื้อ
จับกุมผู้โพสต์ข้อความข่าวปลอมที่จ.ชุมพร
นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจับนายสุทธิยา หรือ ปอ พูนไชย อายุ 28 ปี เป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเป็นคนโพสต์ ข้อความปล่อยข่าวสถานการณ์ที่ จ.ชุมพร สามารถจับกุมตัวได้ขณะนอนเล่นเฟซบุ๊ก อยู่ภายในห้องเช่า หมู่ที่ 8 ซอยนาทุ่ง ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร จากการสอบสวน นายสุทธิยา ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง โดยได้ข้อมูลจากเพื่อน เป็นห่วงว่าจะแพร่ระบาดใน จ.ชุมพร จึงโพสต์เตือนทุกคนให้ระวังแต่ไม่คิดว่าความหวังดีจะกลายเป็นประสงค์ร้าย อยากขอโทษประชาชนใน จ.ชุมพรกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตนเองในครั้งนี้
ฮ่องกง ปิดด่านชายแดนติดต่อจีนเพิ่มเติม มีผลหลังเที่ยงคืน
หลังจากมีการเรียกร้องจากหลายฝ่ายรวมถึงกลุ่มแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฮ่องกงเรียกร้องให้ฮ่องกงปิดด่านทั้งหมดที่ติดกับประเทศจีนเพื่อสกัดไวรัสโคโรนา หลังจากมีผู้ติดเชื้อไวรัส 15 คน นางแคร์รี่ แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงแถลงว่า รัฐบาลจะใช้มาตรการปิดด่านชายแดนที่ติดต่อกับประเทศจีน 3 จุดคือ ด่านโลวู, ด่านลก หม่าเชาและท่าเรือฮ่องกง-มาเก๊า มีผลทันทีหลังเที่ยงคืนวันนี้ เพื่อสกัดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะการลดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางผ่านด่านชายแดนเข้าไปที่ฮ่องกง แต่นางแลมไม่ได้พูดให้ชัดเจนถึงขนาดว่ารัฐบาลจะปิดระบบคมนาคมที่ติดต่อกับประเทศจีนทั้งหมด เนื่องจากในปัจจุบันสนามบินนานาชาติฮ่องกง ด่านชายแดนอ่าวเซินเจิ้น และสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ยังคงปิดให้บริการตามปกติ เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่ามีผลกระทบอย่างไรกับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในเมืองชายแดนและเดินทางมาทำงานในฮ่องกงแล้วเดินทางกลับและชาวฮ่องกงที่เดินทางไปทำงานแถบชายแดนของจีนแล้วกลับมาที่ฮ่องกง การแถลงของนางแลมมีขึ้นหลังกลุ่มสหภาพแรงงานสาธารณสุขฮ่องกง นัดประท้วง 5 วันเริ่มจากวันนี้ เรียกร้องให้รัฐบาลปิดชายแดนทั้งหมด พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลให้ความมั่นใจว่าหน้ากากอนามัยมีอยู่เพียงพอ ไม่ขาดตลาด และจัดสถานที่เพิ่มเติมสำหรับแยกตรวจและรักษาสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส
กรมปศุสัตว์ สั่งการปศุสัตว์จังหวัดเพิ่มมาตรการป้องกันโรคระบาดในสัตว์ปีก
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานพบเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ระบาดในฟาร์มไก่เมืองเชาหยาง มณฑลหูหนาน ของจีน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ กระทรวงเกษตรจีน ยืนยันว่าทำลายไก่ไปแล้ว 5,500 ตัว กรมปศุสัตว์ จึงเฝ้าระวังและป้องกันโรคที่อาจแพร่ระบาดเข้ามาที่ประเทศไทยอย่างเข้มงวด โดยยังคงชะลอมาตรการนำเข้าสัตว์ปีก ซากสัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกจากจีน พร้อมสั่งการให้ปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัดเพิ่มมาตรการควบคุมป้องกันโรคระบาดในสัตว์ปีก จัดเจ้าหน้าที่และเครือข่ายลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกในทุกหลังคาเรือน พร้อมทั้งฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยง หากพบว่ามีสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติสงสัยให้แจ้งปศุสัตว์อำเภอ เพื่อดำเนินการตามแผนเฝ้าระวังควบคุมโรคที่กำหนดไว้ โดยให้คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนกระดับจังหวัดและอำเภอจัดประชุมติดตามสถานการณ์และวางแผนการควบคุมโรคทันที ขอความร่วมมือจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบกรมปศุสัตว์ในการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกและซากสัตว์ปีกต้องมีผลการตรวจรับรองโรคระบาดและใบอนุญาตการเคลื่อนย้ายสัตว์ทุกครั้ง หากพบหรือสงสัยว่ามีโรคในพื้นที่ กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการลักลอบการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเข้า-ออก ตามท่าอากาศยานและแนวชายแดน
แฟ้มภาพ