ยูเอ็น โล่งใจหลังผู้นำสหรัฐฯแถลงเรื่องอิหร่าน
หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แถลงจากทำเนียบขาว ที่กรุงวอชิงตัน ถึงเหตุการณ์ที่กองทัพอิหร่านยิงขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่ฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรักว่า ทหารสหรัฐฯทั้งหมดปลอดภัย มีความเสียหายที่ฐานทัพในประเทศอิรักเพียงเล็กน้อย ส่วนอิหร่าน ดูเหมือนว่าจะยุติปฏิบัติการโจมตีชั่วคราวซึ่งก็จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและสิ่งที่ดีมากต่อโลก ไม่มีทหารอเมริกันหรือทหารอิรักเสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว นายอันติโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ระบุว่า ยูเอ็นยินดีที่สหรัฐฯและอิหร่านถอยห่างจากกันในระดับหนึ่ง ยูเอ็นจะพยายามทำทุกทางไม่ให้เกิดสงครามในอ่าวเปอร์เซีย
ทรัมป์ ไม่ใช่การตอบโต้ทางทหาร แต่จะคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มอีก
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯจะประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มขึ้นทันที แต่ผู้นำสหรัฐฯก็ไม่ได้พูดถึงการตอบโต้ทางทหารกับอิหร่าน เขาจะขอให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในตะวันออกกลางและยังเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจทำตามเขาที่ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์เมื่อปี 2558 ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวโทษถึงอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่ไปทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ทำให้อิหร่านสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในหลายประเทศทั้งในเยเมน ซีเรีย เลบานอน อิรัก และอัฟกานิสถาน
ผู้นำสูงสุดอิหร่าน แถลงการยิงขีปนาวุธเป็นการตบหน้าสหรัฐฯ
ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯจะแถลงข่าว ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ของอิหร่าน แถลงว่า สหรัฐฯอาจจะตัดแขนของพล.ต.กัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษกุดส์แห่งกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านได้ แต่อิหร่านก็จะตอบโต้ด้วยการตัดขาของสหรัฐฯในภูมิภาคเช่นกัน อยาตอลเลาะห์ คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศชัดว่าศัตรูของอิหร่านก็คือสหรัฐฯและอิสราเอล อิหร่านได้ตบหน้าสหรัฐฯด้วยการยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก การคงกำลังทหารอย่างไม่ถูกต้องของสหรัฐฯในภูมิภาคตะวันออกกลางควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว เพราะทำให้เกิดสงคราม ความแตกแยกและการทำลายล้าง
นายกฯอิสราเอล พร้อมตอบโต้อิหร่านหากถูกโจมตี
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐนตรีอิสราเอล เตือนว่า อิสราเอลจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากถูกอิหร่านโจมตี นายเนทันยาฮู กล่าวยกย่องประธานาธิบดีทรัมป์ สำหรับการดำเนินการที่รวดเร็วในการสังหารพล.ต.กัสซิม ที่ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก เขาทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพในหลายประเทศ นายเนทันยาฮู กล่าวสนับสนุนมาตรการทางทหารของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง
อิหร่าน จะไม่ส่งมอบกล่องดำเครื่องบินยูเครนที่ตกให้โบอิ้ง
หัวหน้าสำนักงานการบินพลเรือนอิหร่าน ระบุว่า จะไม่ส่งมอบกล่องดำเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินยูเครนอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุตกและเกิดเพลิงลุกไหม้ หลังทะยานขึ้นจากสนามบินอิหม่าม โคไมนี ในกรุงเตหะราน ได้เพียงไม่นาน ให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินและชาวอเมริกัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งกล่องดำไปตรวจสอบที่ประเทศใด หลังจากพบกล่องบันทึกข้อมูลการบินและกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน หัวหน้าสำนักงานการบินพลเรือนอิหร่านกล่าวว่า ตามหลักการบินสากลแล้ว ประเทศที่เป็นจุดที่เครื่องบินตกมีสิทธิจะดำเนินการสอบสวน ดังนั้นสำนักงานการบินของอิหร่านจะสอบสวนเรื่องนี้ ส่วนทางการยูเครนก็สามารถส่งตัวแทนมาร่วมสอบสวนได้
เอเอฟพี ระบุว่า ตามหลักการของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศหรือไออาตา (IATA) ทั้งอิหร่าน ยูเครน และสหรัฐฯล้วนเป็นสมาชิก ประเทศที่เกิดเหตุ จะเป็นคณะสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ชี้ว่ามีเพียงไม่กี่ประเทศที่สามารถวิเคราะห์กล่องดำได้ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า รัฐบาลยูเครนกำลังเร่งหารายละเอียดเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมทางอากาศครั้งนี้ พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 176 คน ยูเครน ระบุว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เป็นชาวอิหร่าน 82 คน แคนาดา 63 คน ยูเครน 11 คน สวีเดน 10 คนอัฟกานิสถาน 4 คน เยอรมัน 3 คน อังกฤษ 3 คน ยืนยันว่า นักบินมีประสบการณ์สูง
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอิหร่าน ไม่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว
สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 4.5 เมื่อเวลา 06.49 น.เช้าวันที่ 8 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์กลางอยู่ลึกลงไป 10 กม.และห่างออกมา 17 กม.ทางทิศใต้ถึงตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโบราซจาน และห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บูชเออร์ติดชายฝั่งอ่าวเปอร์เซียของอิหร่าน แต่ไม่มีรายงานความเสียหายกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขณะที่ สำนักข่าวอิสราของทางการอิหร่าน รายงานว่า นายจาฮันจีร์ เดห์กาห์นี หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการวิกฤตบูชเออร์ เปิดเผยว่า พบผู้บาดเจ็บ 7 คน รักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว 4 คน ศูนย์บริหารจัดการวิกฤตกำลังประเมินและตรวจสอบความเสียหายของอาคารบ้านเรือน
นายกฯออสเตรเลีย วอนนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่าหนีหายเพราะไฟป่า
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ประชุมร่วมกับผู้ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวและเกษตรกร ระหว่างไปตรวจเยี่ยมเกาะแคงการู หรือ เกาะจิงโจ้ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังนอกชายฝั่งทางใต้ที่เกิดไฟป่าถึงสองครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศเปิดและยังเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่ผู้คนควรมาท่องเที่ยวและพาครอบครัวมาพักผ่อนช่วงวันหยุด เช่น เกาะจิงโจ้ แม้ถูกไฟป่าเผาไป 1 ใน 3 แต่ยังมีพื้นที่อีก 2 ใน 3 เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว การช่วยให้เศรษฐกิจท้องถิ่นดำรงอยู่ได้ในช่วงเวลาแบบนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง การท่องเที่ยวครองสัดส่วนร้อยละ 3.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ฤดูร้อนที่ผ่านมายอดจองที่พักในออสเตรเลียลดลงมาก รีสอร์ทที่เคยคึกคัก บางแห่งเงียบเหงาราวกับรีสอร์ทร้าง ทั้งที่ฤดูร้อนก่อนหน้านั้นมีนักท่องเที่ยวมาเยือนออสเตรเลียมากถึง 2.71 ล้านคน
ผู้นำออสเตรเลีย ระบุว่า ไฟป่าเผาพื้นที่ไปแล้วกว่า 64.37 ล้านไร่ เทียบเท่าพื้นที่เกาหลีใต้ทั้งประเทศ ควันไฟป่าแพร่กระจายไปไกลถึงทวีปอเมริกาใต้ ที่อยู่อีกฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ยอดผู้เสียชีวิตจากไฟป่าที่ไหม้มาตั้งแต่เดือนก.ย. 2562 จนถึงขณะนี้อยู่ที่ 26 ศพ รายล่าสุดเป็นอาสาสมัครที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะดับไฟป่าเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ไฟฟ้าและการสื่อสารในหลายเมืองใช้การไม่ได้ บางเมืองเริ่มขาดแคลนน้ำแล้ว
เร่งส่งนักดับเพลิงต่างชาติช่วยเหลือ คาดสัตว์ถูกไฟคลอกตาย-บาดเจ็บมากถึง 1,000 ล้านตัว
ทางการรัฐวิกตอเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ วอนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไฟป่าคิดเรื่องอพยพก่อนที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นในวันศุกร์ และจะทำให้ไฟรุนแรงขึ้นอีก ไฟป่าเหล่านี้อันตรายมาก เพราะไม่หยุดนิ่งและแปรปรวนไปตามสภาพอากาศ
ความช่วยเหลือจากนานาชาติ นักดับเพลิงจากสหรัฐฯและแคนาดา อีก 67 นาย เดินทางมาสมทบนักดับเพลิงชาติเดียวกันที่เข้าไปในพื้นที่แล้ว 40 นาย ออสเตรเลียขอให้ส่งมาเพิ่มอีก 140 นาย คาดว่าจะมาถึงภายในสองสัปดาห์ ผู้นำชุมชนต่าง ๆ ขอให้ผู้อยากช่วยเหลือบริจาคเงิน ไม่บริจาคอาหารและสิ่งของที่จะเป็นภาระเพราะเกินความต้องการ และขอให้ระวังพวกฉวยโอกาสหลอกรับบริจาคเงินทางออนไลน์ด้วย
นักนิเวศวิทยาออสเตรเลีย คาดว่า มีสัตว์ถูกไฟคลอกตายหรือบาดเจ็บมากถึง 1,000 ล้านตัว เพิ่มขึ้นสองเท่าจากที่ประมาณการก่อนหน้านี้ ขณะที่สหภาพยุโรป คาดว่า ไฟป่าออสเตรเลียทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์และสารก่อมลพิษอันตรายแล้ว 400 เมกะตัน
ตำรวจออสเตรเลีย ตั้งข้อหาชาย 24 คน ข้อหาเผาป่าโดยเจตนา
ตำรวจในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย รายงานว่า สถานการณ์ไฟป่าเป็นภัยพิบัติทั่วประเทศ เกิดจากสาเหตุสำคัญคือ ปัญหาภัยแล้งและอากาศร้อนจัด แต่ปัญหาอีกส่วนหนึ่งคือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ขณะนี้ตำรวจได้ตั้งข้อหาชาย 24 คนเพื่อดำเนินคดีในข้อหาเผาป่าโดยเจตนา ก่อนหน้านี้ ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 183 คน ในจำนวนนี้รวมถึงเยาวชน 40 คน เพื่อสอบสวนความผิดที่เกี่ยวกับการเผาป่าตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2562 โดย 1 ใน 3 รายหลังที่ถูกจับกุมคือเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว หลังใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถจะทำให้เกิดประกายไฟในย่านเมาต์ ดรุยต์ ชานเมืองซิดนีย์ สำหรับมาตรการทางกฎหมายมีตั้งแต่ขั้นตักเตือนไปจนถึงการตั้งข้อหาอาญา โดยเฉพาะการละเมิดคำสั่งเรื่องการห้ามจุดไฟทุกชนิด รวมถึงการทิ้งก้นบุหรี่ หรือไม้ขีดไฟไว้ในบริเวณป่า
ไม่มีคนไทยหรือชุมชนคนไทยได้รับผลกระทบจากไฟป่า
น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยพร้อมที่จะสนับสนุนออสเตรเลียในการควบคุมไฟป่าและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีสารแสดงความเสียใจไปถึงนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ ทราบว่า ไม่มีคนไทยหรือชุมชนคนไทยได้รับผลกระทบ ฝ่ายไทยได้ติดต่อประสานงานกับฝ่ายออสเตรเลีย เช่น สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย หน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉินออสเตรเลีย (Australian Emergency Management Unit)
CR:The Times Israel