ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพุธที่ 8 มกราคม 2563

08 มกราคม 2563, 07:22น.


กรมชลฯ วางมาตรการเวลาเปิด-ปิด ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ฯ



          นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานจะนำทุกมาตรการช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเรื่องการรักษาคุณภาพน้ำประปาให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดย​ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สมุทรปราการ เป็นจุดปลายน้ำ ได้วางมาตรการเวลาเปิด-ปิด ประตูระบายน้ำในช่วงเวลา 15.00 – 20.00 น. ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.2562 จนถึงปัจจุบัน โดยช่วงเวลา 15.00 น. เปิดประตูระบายน้ำ ซึ่งเป็นช่วงกระแสน้ำลง การผลักดันน้ำจะใช้ระยะทางเพียง 600 เมตร ประมาณ 10 นาที สามารถกระชากความเค็มที่สะสมตั้งแต่ต้นทาง (สถานีวัดน้ำท่า C.29A ต.บางไทร จ. พระนครศรีอยุธยา) ลงสู่ทะเลให้ได้มากและเร็วที่สุด และในช่วงปิดประตูระบายน้ำ 20.00 น. จะทำให้น้ำไหลอ้อมใช้ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร เวลา 5 ชั่วโมง



          การหน่วงน้ำเค็มให้หนุนเนื่องขึ้นไปถึงจุดควบคุมไว้ เป็นวิธีการที่กรมชลประทานได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และวันที่ 8 ม.ค. เป็นต้นไป ได้วางแผนการเปิด–ปิดประตู ในช่วงเวลาตามสภาพการขึ้นลงของน้ำ ซึ่งข้อมูลได้จากกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ โดยจะติดตามในข้อเท็จจริงว่าจะทำการควบคุมการเปิด-ปิดประตู แม้เวลาน้ำหนุนสูงหรือน้ำลงสุดจะเป็นช่วงกลางคืน กรมชลประทานได้จัดเจ้าหน้าที่ควบคุมประตูตลอดเวลาเพื่อที่จะลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด



รัฐบาล ยกระดับภัยแล้งเป็น'วาระแห่งชาติ'



          นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ยกระดับการแก้ปัญหาภัยแล้ง ปี 2563 เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ตั้งกรอบศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน



ครม.เคาะงบกลางช่วยภัยแล้ง 57 จังหวัด  



          ที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการ สทนช.ได้ทำเรื่องขออนุมัติงบกลางมา 3,079,472,482 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้งบกลางของปี 2562 ก่อน โดยจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งงบประมาณจะแบ่งใช้ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 57 จังหวัด รวม 2,011 โครงการ ของ 5 หน่วยงานคือ การประปานครหลวง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพบก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อบรรเทาปัญหาการอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยจะต้องทำโครงการให้เสร็จสิ้นภายใน 120 วัน เพราะเป็นแผนการเร่งด่วน มาตรการที่นำมาใช้ เช่น การขุดเจาะบ่อบาดาล การวางท่อส่งน้ำ การก่อสร้างโรงสูบน้ำ และการติดตั้งท่อส่งน้ำดิบ ทั้งยังดูแลในส่วนของโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ โครงการทั้งหมดจะแบ่งเป็นโครงการขุดเจาะบ่อบาดาลอีก 1,100 แห่ง การจัดหาแหล่งน้ำดิบ 230 โครงการ การซ่อมแซมระบบน้ำประปา 654 โครงการ เป็นต้น



วิปฝ่ายค้าน ประสานประธานสภาฯ ขอเพิ่มเวลาอภิปรายงบฯ 2563 วาระ 2-3



          ที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง7พรรค ชี้แจงกรอบการทำงานและรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ที่จะมีการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563ในวาระที่2-3 ระหว่างวันที่ 8-9 ม.ค. วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)และกรรมาธิการฯที่จะต้องชี้แจงว่าจะมีการปรับลด ปรับเพิ่มอย่างไรในแต่ละกระทรวง ตลอดเวลาของการประชุม ต้องใช้องค์ประชุมให้ครบในทุกมาตรา รวมทั้งในวาระที่ 2 จะมีการลงมติในทุกมาตรา



          นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วิปฝ่ายค้านประสานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรเรื่องเวลาของสมาชิกที่จะอภิปรายเดิมได้เวลาอภิปรายคนละ 5นาทีแต่วิปฝ่ายค้านมองว่าน้อยเกินไปอยากได้ไม่จำกัดเวลาแต่คงเป็นไปไม่ได้เลยประสานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรคนละ15 นาที แต่คาดว่าน่าจะถูกปรับเหลือเพียงคนละ 10 นาที ส่วนการโหวตลงมติให้ว่ากันไปตามหลักการ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะรอการฟังการอภิปรายก่อน ไม่ได้มีการบังคับ เพราะเรื่องงบประมาณถือว่าเป็นเรื่องใหญ่



ตั้งกรอบงบฯ 2564 เพิ่มขึ้นจากงบฯ 2563 จำนวน 1 แสนล้านบาท    



          นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 มีกรอบวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2563 ที่กำหนดไว้ 3.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 โดยยังเป็นการจัดทำงบประมาณขาดดุลจำนวน 5.23 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ขาดดุล 4.69 แสนล้านบาท โดยงบประมาณปีนี้ กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนอยู่ที่ 6.93 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21 ของวงเงินงบประมาณรวม ส่วนการจัดเก็บรายได้ ประมาณการจะจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 2.777 ล้านล้านบาท โดยการจัดทำกรอบงบประมาณดังกล่าว ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.1 – 4.1 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.7 – 1.7 ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ 5.3 ต่อจีดีพี



 



 

ข่าวทั้งหมด

X