การช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท.เปิดเผยว่าได้สั่งการให้สถาบันการเงิน ปรับปรุงการคิดดอกเบี้ยและการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใน 3 เรื่อง เพื่อลดภาระของประชาชนและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ประกอบด้วย ค่าปรับการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด (prepayment) ให้สถานบันการเงินคิดค่าปรับจากยอดเงินต้นคงเหลือแทนการคิดจากวงเงินสินเชื่อทั้งก้อน, ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ให้เปลี่ยนมาคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บนค่างวด (installment) ที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระ เฉพาะส่วนที่เป็นเงินต้นของค่างวดนั้นแทนที่เดิมที่คิดบนฐานของเงินต้นคงเหลือ พร้อมทั้งให้สถาบันการเงินกำหนดช่วงระยะเวลาการผ่อนผันไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ในกรณีที่ลูกหนี้อาจมีเหตุสุดวิสัยจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยทั้ง 2 มาตรการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563-31 ธันวาคม 2564 ส่วนอีกมาตรการคือค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตที่หากผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บัตร สถาบันการเงินต้องคืนค่าธรรมเนียมรายปีตามระยะเวลาที่เหลือของบัตรแก่ผู้ใช้บริการโดยไม่ต้องรอให้ผู้ใช้บริการร้องขอ ส่วนหากต้องออกบัตรหรือรหัสบัตรทดแทนจากนี้ให้ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม แต่หากการออกบัตรหรือรหัสทดแทนมีต้นทุนสูงก็ให้อำนาจสถาบันการเงินเก็บค่าธรรมเนียมได้ โดยธปท.จะจัดให้มีการเปรียบเทียบข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ของสถาบันการเงินแต่ละรายเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการพิจารณาด้วย