การลงพื้นที่ตรวจสอบค่าความเค็มของน้ำจากปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงที่สถานีวัดน้ำท่า C.29 A และประตูระบายน้ำ ที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดูการบริหารจัดการน้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่กลอง และท่าจีน นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่า ได้มีการวัดค่าความเค็มของน้ำ จุดแรกเริ่มต้นที่สถานีวัดน้ำท่า C.29 A บริเวณศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และจุดที่ 2 คือประตูระบายน้ำสิงหนาท 2 วัดค่าความเค็มได้ที่ 0.90 กรัมต่อลิตร ลดต่ำลงกว่าเมื่อวานที่วัดได้ 1.10 กรัมต่อลิตร ขณะที่ค่ามาตรฐานเพื่อการผลิตประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร และแม้ว่าวันนี้ปริมาณค่าความเค็มของน้ำจะลดลงกว่าเมื่อวาน แต่ในช่วงวันที่ 7 ม.ค.- 13 ม.ค.จะมีน้ำทะเลหนุนสูงสุดประมาณ 1.3 ถึง 1.4 เมตร เบื้องต้นจะขอให้การประปานครหลวง(กปน.) งดสูบน้ำเข้าโรงผลิตน้ำดิบในช่วงวันที่ 10 ม.ค.- 12 ม.ค.
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ร่วมกับ กปน. รักษาคุณภาพน้ำประปา ไม่ให้ค่าความเค็มในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงส่งผลกระทบกับประชาชนโดยเฉพาะน้ำในการอุปโภค-บริโภค โดยจะทำการผันน้ำจากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำแม่กลองผ่านสามคลองหลักคือ คลองจรเข้สามพัน คลองพระยาบันลือ และคลองมหาสวัสดิ์ เชื่อมไปที่แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อช่วยผลักดันค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคลองจรเข้สามพันจะมีการลำเลียงน้ำผ่านประตูระบายน้ำสองพี่น้องในอัตราไม่น้อยกว่า 25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีลงสู่แม่น้ำท่าจีน และจะใช้เครื่องสูบน้ำ 54 เครื่องที่ประตูระบายน้ำพระยาบันลือสูบน้ำเข้าคลองพระยาบันลือ และผลักดันน้ำประตูระบายน้ำสิงหนาทลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในอัตราไม่น้อยกว่า 30 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีการผลักดันน้ำเค็มอีกส่วนสำหรับคลองประปาคลองมหาสวัสดิ์ที่ใช้เป็นแหล่งใหญ่ในการผลิตน้ำประปา
กรมชลประทาน ยืนยันว่าจะมีการติดตามและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ แก้ปัญหาค่าความเค็มของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมทั้งขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ร่วมกันทำตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มเกิดประสิทธิภาพและลดการสูญเสียน้ำ นอกจากการลงพื้นที่สองจุดดังกล่าวแล้ว กรมชลประทาน จะลงพื้นที่ไปที่โรงสูบน้ำดิบการประปานครหลวงสำแล จ. ปทุมธานี โรงผลิตน้ำประปามหาสวัสดิ์ จ.นนทบุรี และประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สมุทรปราการ อีกด้วย