ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563

06 มกราคม 2563, 19:54น.


พณ.ห่วงเหตุการณ์ตะวันออกกลางบานปลายกระทบราคาน้ำมัน



          น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคและสร้างความผันผวนแก่ตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้นทั่วโลกและประเทศไทยด้วย ในระยะสั้นราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเห็นได้จากเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 4 และมีแนวโน้มว่าปรับตัวขึ้นอีกหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้น



         สำหรับในระยะกลางและยาว ประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวกระทบความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุน และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเล็กน้อย แต่คาดว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว มีปัจจัยบวกด้านอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาผลกระทบ เช่น ความคืบหน้าการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และมาตรการหรือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ



          อย่างไรก็ตาม หากเกิดการตอบโต้ระหว่างกันและมีการปิดเส้นทางเดินเรือ ราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก เพราะน้ำมันจากตะวันออกกลางส่วนใหญ่ผ่านทางช่องแคบฮอร์มุซ โดยอิหร่านเป็นประเทศที่มีบทบาทหลักในการควบคุมเส้นทางดังกล่าว นอกจากนี้ การขนส่งสินค้า ก็มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยการเดินเรือกว่าร้อยละ 20 ของโลกใช้เส้นทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ หากมีการปิดเส้นทาง เรือบรรทุกน้ำมัน และสินค้า จะไม่สามารถใช้ช่องแคบเพื่อเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียได้



          ส่วนประเด็นด้านการค้าและการส่งออกของไทย เช่น  สินค้าส่งออกที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ ก๊าชธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลว) มูลค่า 22,873.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณร้อยละ 11 ของการส่งออกรวม อาจได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น  



          สถานการณ์ความไม่สงบจะเพิ่มความท้าทายในการฟื้นฟูตลาดส่งออกในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิรัก และอิหร่าน และตลาดแอฟริกาที่มีประเทศในตะวันออกกลางเป็นช่องทางการค้าให้สินค้าไทย แต่เชื่อว่ายังสามารถหาแนวทางขยายการค้าได้ กระทรวงพาณิชย์ พร้อมนำทัพภาคเอกชนเดินทางไปรุกตลาดอย่างน้อย 16 ประเทศ ซึ่งรวมถึงตะวันออกกลาง ในปีนี้



นักลงทุน เทขายหุ้นตามตลาดในภูมิภาคร่วง 26.47จุด



          การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตลอดทั้งวัน นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาจำนวนมากปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศที่มีความกังวลกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน ต้องรอดูว่าจะมีการตอบโต้ระหว่างกันอย่างไรบ้าง และเผชิญแรงกดดันจากโรคระบาดปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ตอนนี้เริ่มแพร่เข้าไปที่สิงคโปร์



          ขณะที่ปัจจัยในประเทศ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยเรื่องดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนม.ค.2563 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน ผลสำรวจพบว่านักลงทุนคาดหวังนโยบายภาครัฐและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด แต่กังวลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและสถานการณ์การเมืองเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน ทำให้ตลาดปิดที่ระดับ 1,568.50 จุด ลดลง 26.47 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,171.63ล้านบาท



ก.คลังเสนอครม.ช่วยSMEs



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันพรุ่งนี้ เนื่องจากยังมีหลายหลักเกณฑ์ที่ SMEs ไม่สามารถเข้าถึงการสนับสนุนจากภาครัฐได้ ส่งผลให้ขาดความเข้มแข็ง อาจทำให้กระทบกับความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่ปัญหาการเลือกจ้างงาน และที่ผ่านมา SMEs มีการพัฒนาที่ช้า จึงต้องพัฒนาตั้งแต่ผู้ประกอบการไปถึงลูกจ้าง ต้องดูแล SMEs ที่มีความเสี่ยงจะเลิกกิจการ ควบคู่กับการยกระดับให้กลุ่ม SMEs สามารถผลิตสินค้าตรงกับความต้องการของตลาดได้ 



จีน เรียกร้องสหรัฐฯอย่าใช้กำลังในทางมิชอบ



          โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า การเมืองแบบแสวงอำนาจไม่เคยเป็นที่ยอมรับหรือมีความยั่งยืน พฤติกรรมทางทหารแบบเสี่ยงของสหรัฐฯในช่วงหลายวันนี้ขัดต่อบรรทัดฐานพื้นฐานเรื่องการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จีนขอเรียกร้องสหรัฐฯอย่าใช้กำลังในทางมิชอบและขอร้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ใช้ความอดกลั้น หลีกเลี่ยงไม่ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงอีก จีนกังวลอย่างยิ่งที่สหรัฐฯและอิหร่านเผชิญหน้ากัน ขณะเดียวกันจีนคัดค้านมาตลอดเรื่องการขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างขาดความยับยั้ง หวังว่าประเทศที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ นอกภูมิภาค จะดำเนินการให้มากขึ้นเพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพของตะวันออกกลาง หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาครุนแรงยิ่งขึ้น



อังกฤษ ส่งเรือรบ 2 ลำ ปรับเปลี่ยนภารกิจมาที่อ่าวเปอร์เซีย



          กองทัพเรืออังกฤษ ส่งเรือรบราชนาวี 2 ลำ HMS Montrose (มอนโทรส) และHMS Defender (ดีเฟนเดอร์) พร้อมอาวุธหนักเต็มพิกัด สับเปลี่ยนภารกิจ มุ่งหน้าไปปฏิบัติการคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันติดธงอังกฤษบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญระหว่างอ่าวโอมานกับอ่าวเปอร์เซีย ในภูมิภาคตะวันออกกลาง หวั่นอิหร่านล้างแค้นสหรัฐฯ และชาติตะวันตก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ส่งโดรนสังหารพล.ต.กาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ สังกัดกองบัญชาการปฎิวัติอิหร่าน จนทำให้สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านตึงเครียดจนหวั่นอาจเกิดสงคราม



          นอกจากนี้ อังกฤษส่งทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ SAS ประมาณ 50 นาย และมีคำสั่งให้ทหารกว่า 400 นาย ในภูมิภาคตะวันออกกลางปรับเปลี่ยนภารกิจจากการฝึกสอนทางทหารในพื้นที่ มาเป็นการอารักขาคุ้มครองนักการทูตอังกฤษและทรัพย์สินของอังกฤษในตะวันออกกลาง เดลี่เมล เปิดเผยว่า อังกฤษมีเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตลอดเวลาอยู่แล้ว 1 ลำ และเรือดำน้ำลำนี้อยู่ในจุดที่พร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา



สทนช.เดินหน้าผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองไล่น้ำเค็มเจ้าพระยา



          การประชุมแก้ไขปัญหาการรุกตัวน้ำเค็มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างและหามาตรการรองรับ นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า วันที่ 8-15 ม.ค.ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำโดยตรง วิธีแก้ปัญหา คือ การระบายน้ำจาก 2 เขื่อนหลักตอนบน ได้แก่ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อผลักดันน้ำเค็ม แต่ด้วยปริมาณน้ำที่มีอยู่จำกัด จึงต้องปรับแผนลำเลียงน้ำจากฝั่งตะวันตกซึ่งมีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำมากกว่า ระบายผ่านแม่น้ำแม่กลองมาช่วยเหลือในพื้นที่ของแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดยมีการทำงานร่วมกันของ การประปานครหลวง(กปน.) กรมชลประทาน(ชป.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ซึ่งนอกจากจะช่วยในการรักษาคุณภาพน้ำในการผลิตน้ำประปาแล้ว ยังช่วยผลักดันน้ำเค็มที่รุกล้ำเข้ามาของแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย



          ปัจจุบันได้มีการดึงน้ำจากแม่น้ำแม่กลองผ่าน 3 เส้นทาง ประกอบด้วย 1) คลองท่าสาร-บางปลา 2) คลองจรเข้สามพัน ขณะนี้มีการปรับอัตราการระบายเพิ่มขึ้น จาก 35 ลบ.ม./วินาที เป็น 50 ลบ.ม./วินาที ก่อนน้ำไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน เข้าสู่คลองพระยาบันลือและไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้กรมชลประทานกำลังพิจารณาเพิ่มปริมาณน้ำในคลองพระยาบันลือให้มากขึ้น และ 3) คลองประปา ปัจจุบัน กปน. ปรับการระบายเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลบ.ม./วินาที แต่ยังไม่เพียงพอ จะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก 10 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้ ในส่วนของคลองประปาด้านหลังที่เชื่อมกับคลองบางกอกน้อย อาจจะต้องมีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำหรือใช้ระบบสูบน้ำเข้าช่วย นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร(กทม.) และกองทัพเรือ อาจต้องมีการวางกระสอบทรายปิดกั้นเพื่อช่วยให้น้ำลำเลียงเข้าสู่คลองบางกอกน้อยให้ได้อย่างเต็มศักยภาพ



รองนายกฯ เปิด War Room แก้ภัยแล้ง 10 ม.ค.



          การแก้ปัญหาภัยแล้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (War Room) ในวันที่ 10 ม.ค.2563 ให้ทุกส่วนราชการกว่า 30 หน่วยงาน ทำงานในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและในวันพรุ่งนี้จะเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาอนุมัติงบกลางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งระยะเร่งด่วน จะเน้นพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำอุปโภค-บริโภคทั้งในเขตและนอกเขตการประปา รวม 2,041 โครงการ วงเงิน 3,079 ล้านบาท รองรับปัญหาช่วงเดือน พ.ค. – มิ.ย. ดำเนินการโดย 4 หน่วยงาน ได้แก่ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพบก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม อาทิ การขุดเจาะบ่อบาดาล เชื่อมโยงแหล่งน้ำผิวดิน เป็นต้น



          นอกจากนี้ ให้การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขุดเจาะบ่อบาดาล ซ่อมแซมระบบประปา เชื่อมโยงแหล่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่ให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งน้ำ ใช้งบประมาณปี 2563 วงเงิน 2,950 ล้านบาท จำนวน 1,337 โครงการ



ออสเตรเลีย เตรียมงบฯ 1,400 ล้านดอลลาร์ฟื้นฟูไฟป่า



          ประชาชนบนเกาะแกงการู ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย ช่วยเหลือโคอาลาและจิงโจ้ที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ไฟป่า ผู้เชี่ยวชาญ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้มีโคอาลาและจิงโจ้จำนวนมากตายจากไฟป่า คาดว่า ยังมีสัตว์อื่นอีกหลายชนิดที่ตายจากไฟป่า ทางการระดมกำลังเจ้าหน้าที่และทหารเร่งสกัดกั้นไฟป่าเต็มที่ ขณะที่ รัฐบาล รับปากจะจัดสรรงบประมาณ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 42,000 ล้านบาท) เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากไฟป่าในระยะ 2 ปี



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X