อิหร่านประกาศออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ 2558 อย่างสมบูรณ์ โดยระบุว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับนี้อีกต่อไป ซึ่งหมายถึงจะเดินหน้าสะสมยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่สามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงอาวุธนิวเคลียร์ จะเดินหน้าโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ตลอดจนสะสมวัตถุดิบเสริมสมรรถนะชนิดอื่น และจะเดินหน้างานวิจัยและพัฒนาด้านนิวเคลียร์ คำประกาศฉบับนี้มีขึ้นหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอิหร่าน ที่กรุงเตหะราน ซึ่งมีความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ สังหารพล.ต.กัสเซม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังนักรบพิเศษคุดส์ แห่งกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน หรือ ไออาร์จีซี กับ นายอาบูมาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้บัญชาการของกองกำลังฮัชด์ หรือ พีเอ็มเอฟ เครือข่ายนักรบชีอะห์ในอิรัก ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กรุงแบกแดด โดยเมื่อวานนี้มีชาวอิหร่านจำนวนมากออกมาร่วมการชุมนุมในการรับศพของนายพลอิหร่านกลับประเทศ
ส่วนสถานการณ์ในอิรัก เมื่อช่วงเย็นของวานนี้ (6 ม.ค.) สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ถูกโจมตี 4 รอบ แต่ไม่มีการเปิดเผยความสูญเสีย ขณะเดียวกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอิรัก ลงมติเรียกร้องให้กองทัพต่างชาติถอนกำลังออกจากประเทศ โดยมีทหารอเมริกันประมาณ 5,000 นายร่วมอยู่ในกองกำลังนานาชาติในอิรัก ซึ่งกองทัพนานาชาติหยุดภารกิจในช่วงก่อนที่สภาจะลงมติ
ประเทศสมาชิกในข้อตกลงนิวเคลียร์ 2558 คือสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี จีนและรัสเซีย ต่างพยายามรักษาข้อตกลงไว้หลังจากที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลง และหลังจากที่อิหร่านประกาศถอนตัว สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้อิหร่านรักษาข้อตกลงฉบับนี้ต่อไป โดยยืนยันว่า ทั้ง 3 ประเทศ พร้อมที่จะพูดคุยเพื่อบรรเทาความตึงเครียดและสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค
และนายโจเซฟ บอร์เรล หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปเชิญนายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีการต่างประเทศอิหร่านเยือนกรุงบรัสเซลส์เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์และแก้ไขวิกฤติที่สืบเนื่องจากการลอบสังหารนายทหารของอิหร่าน
ส่วนกาตาร์ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งสหรัฐฯส่งโดรนจากฐานทัพไปสังหารพล.ต.โซไลมานี ทางการกาตาร์ส่งรัฐมนตรีการต่างประเทศเดินทางไปอิหร่านเพื่อชี้แจงต่อผู้นำอิหร่านแล้ว
...