*สรุปข่าว 12.25น.*
รอลุ้นลงทะเบียนชิมช้อบใช้เฟส3 รอบเย็น
การเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในวันนี้วันแรกในโครงการชิมช้อบใช้เฟส3 รายงานข่าวจากธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า การลงทะเบียนรอบเช้า เวลา 06.00 น.พบว่า เต็มจำนวน 375,000 คน เวลา 8.39 น. หากใครพลาดรอบเช้าสามารถลงทะเบียนรอบเย็นนี้เวลา 18.00 น.อีกจำนวน 375,000 คน ส่วนผู้สูงอายุที่ครบ 60 ปี เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 17 พฤศจิกายน จำนวน 500,000 คน ตั้งแต่เวลา 8.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าจะครบตามจำนวน 2 ล้านคน โดยผู้รับสิทธิ์ในเฟส 3 จะได้รับสิทธิ์เฉพาะการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 เท่านั้น และมีการขยายมาตรการเพิ่มเติม โดยผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในเฟส 1-3 สามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด พร้อมขยายระยะเวลาการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563
นายกฯ ขอทุกฝ่ายเข้มแข็งดั่งไม้ไผ่มัดรวมหักยาก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย โดยระบุว่า ช่วงฤดูการท่องเที่ยวมีความเกี่ยวพันกับหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลางหรือขนาดเล็ก รวมถึงการค้าปลีก สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุดคือการดูแลผู้มีรายได้น้อย จึงจำเป็นต้องอาศัยภาคธุรกิจเข้ามาช่วยด้วย เพื่อทำให้คนไทยทุกคนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงการดูแลสินค้าและราคาต่าง ๆ ทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศต่อไป โดยสิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือด้านเศรษฐกิจ ทุกภาคส่วนทุกระดับมีความสำคัญทั้งสิ้นและต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน เปรียบดั่งไม้ไผ่มัดรวมกันเป็นกำ จะหักยากและแข็งแรงขึ้น
คาดการจัดงาน MOTOR EXPO 2019 เงินสะพัดกว่า 56,000 ล้าน
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36 หรือ MOTOR EXPO 2019 เปิดเผยว่า ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด โลดแล่นทันใด ทะยานไปด้วยกัน Ride and Drive Together Now มีค่ายรถยนต์เข้าร่วม 33 ราย จาก 9 ประเทศ และรถจักรยานยนต์ 26 ราย จาก 8 ประเทศ เพื่อเปิดตัวรถรุ่นใหม่ภายในงานจำนวนมาก คาดว่าจะมียอดจองรถยนต์ในงาน 50,000 คัน รถจักรยานยนต์ 9,000 คัน และผู้ชมงาน 1.6 ล้านคน ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในงานกว่า 56,000 ล้านบาท หวังว่าจะส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้เติบโตร้อยละ 5 งานจะจัดขึ้น ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2562
ในการจัดงานมีการจัดกิจกรรมคืนกำไร ซื้อรถ...ชิงรถ ซื้อบัตร...ชิงรถ ซื้อสินค้า...ชิงรถ ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิ๊กไบค์ โหลด MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล เช่น เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ MINI รุ่น COOPER S COUNTRYMAN ENTRY มูลค่า 1,989,000 บาท ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ ALL NEW MG3 HATCHBACK รุ่น D มูลค่า 554,000 บาท จำนวน 1 รางวัล นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอบรมขับขี่ปลอดภัย สำหรับเด็กอายุ 4-8 ปี เพื่อปลูกฝังวินัยจราจร
ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 37 ปี 4 เดือน ‘โก้’ ฆาตกรรม‘ไฮโซเชอรี่’
ศาลอาญา ถ.รัชดา นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอัศยา ชัยภา หรือโก้ อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ ฐานฆ่าผู้อื่นและข้อหาอื่นๆ รวม 4 กระทง ในคดีฆาตกรรมนางสาวธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ หรือไฮโซเชอรี่ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ศาล พิพากษาจำคุก 3 ปี จากความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจำคุกอีก 3 ปี จากความผิดฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน ลักทรัพย์ 2 ปี และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น 2 ปี รวมโทษจำคุกทั้งหมด 37 ปี 4 เดือน ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น จำเลยได้ก้มลงกราบขอขมาบิดาของผู้เสียชีวิต แต่บิดาของผู้เสียชีวิตมีอาการเรียบเฉย
คดีนี้ นายอัศยา ใช้ไม้เบสบอลเหล็กตีที่ศีรษะ ใบหน้า ลำตัว และตามร่างกายของผู้เสียชีวิตหลายจุดจนเสียชีวิต ภายในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านประดิษฐ์มนูธรรม เขตลาดพร้าว จากนั้นได้ขโมยทรัพย์สิน ทั้งรถเบนซ์ โทรศัพท์ เครื่องประดับ และกระเป๋าแบรนด์เนม รวมมูลค่านับล้านบาท รวมทั้งเอกสารการเงินของผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงิน ก่อนหนีไปกัมพูชา และถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัวก่อนประสานทางการไทยเข้าไปรับตัวมาดำเนินคดี ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ แต่อ้างว่าโมโหเพราะถูกกดดันทำให้ก่อเหตุขึ้นและอ้างว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน
สำนักงานศาลยุติธรรม สั่งเพิ่มกำลังและอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย
การเพิ่มความเข้มงวดความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุยิงกันภายในห้องพิจารณาคดีของศาลจังหวัดจันทบุรี นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า สำนักงานศาลยุติธรรมส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลลงพื้นที่ไปตรวจสอบและเก็บข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อตรวจสอบหาว่ามีเจ้าหน้าที่ของศาลคนใดบ้างที่ต้องถูกดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ มีการรายงานกลับมาเบื้องต้นว่าจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยของศาลจันทบุรี มีกำลังพลที่น้อยและยังมีประสิทธิภาพไม่เต็มร้อย ต่อจากนี้จะรวบรวมข้อมูลและพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะรู้ผลในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.)ว่าต้องดำเนินกับเจ้าหน้าที่รายใดบ้าง
จากเหตุการณ์ความไม่สงบทั้ง 3 ศาล ก่อนหน้านี้ ทั้งศาลจังหวัดยะลา ศาลจังหวัดพัทยา และล่าสุดศาลจังหวัดจันทบุรี สำนักงานศาลยุติธรรม จะรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาศึกษาหาแนวทางป้องกัน แต่การดำเนินการแรกที่มีการเริ่มแล้วคือการเสนอให้มีการปรับอัตรา ต่อที่ประชุมในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ให้มีจำนวนบุคลากรเพิ่มขึ้นจากเดิมหรืออย่างน้อย ควรต้องมีตำรวจศาล 2 คนต่อศาล ทั้งศาลในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงการวางระบบเพิ่มเติมของอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยต่างๆ ทั้งกล้องวงจรปิด อุปกรณ์ตรวจอาวุธ เพิ่มลูกกรง เป็น 2 ชั้น ในศาลที่ยังไม่มี ก็มีการดำเนินการตรวจสอบแล้ว ซึ่งหากพบว่า ยังต้องเพิ่มเติมในจุดใด ก็จะเร่งแก้ไขในทันที
นายสราวุธ ระบุว่า การควบคุมดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ของศาลทั่วประเทศจะมีหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้องรวมแล้ว 3 หน่วยงาน คือหน่วยงานศาล หน่วยงานตำรวจ และหน่วยงานราชทัณฑ์ ซึ่งในส่วนของศาลจะดูแลในเรื่องของสถานที่ ทั้งการจัดเตรียมพื้นที่ควบคุมขณะอยู่ในบริเวณศาล รวมถึงห้องพบญาติ ซึ่งได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบแล้ว และจะให้ดำเนินการแก้ไข ในจุดที่ยังต้องแก้ไข เช่น ศาลใดที่ยังเป็นลักษณะห้องขังชั้นเดียว ให้ดำเนินการแก้ไข เป็นแบบสองชั้นเพื่อป้องกันการส่งของให้กับผู้ต้องขัง ในระหว่างที่พบญาติ ส่วนหน่วยงานอีกสองหน่วยงาน ก็จะมีการแบ่งหน้าที่กันตามแต่ละพื้นที่
สำหรับเหตุการณ์ที่ผู้ต้องขังหลบหนีที่ศาลพัทยา เกิดขึ้นขณะที่ผู้ต้องขังอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบไปแล้ว ตามขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อาร์เจนตินา ฟ้องนางซูจี ฐานก่ออาชญากรรมต่อโรฮิงญา
กลุ่มสิทธิมนุษยชนโรฮิงญาและละตินอเมริกา ยื่นเรื่องฟ้องร้องที่ศาลอาร์เจนติน่าภายใต้หลักการของเขตอำนาจศาลสากล เพื่อให้ดำเนินคดีนางอองซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐ สหภาพเมียนมา ฐานก่ออาชญากรรมต่อชาวโรฮิงญา ทำให้ชาวโรงฮิงญาจำนวนหลายล้านคนในรัฐยะไข่ต้องอพยพหนีการปราบปรามอย่างรุนแรงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ นางอองซาน เป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ทนายความของกลุ่มสิทธิมนุษยชน ระบุว่า นางอองซาน มีความผิดฐานเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด และปกปิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งกลุ่มยังต้องการให้มีการดำเนินคดีผู้นำทางทหารและการเมืองของเมียนมา ฐานคุกคาม เนื่องจากเป็นเวลาหลายสิบปีที่ทางการเมียนมาพยายามกวาดล้างชาวโรฮิงญา ด้วยการบังคับให้อยู่ในสถานที่ซึ่งไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นที่อยู่อาศัย บังคับให้ต้องออกจากประเทศบ้านเกิด และฆ่า ในขณะนี้มีศาลหลายแห่งที่กำลังพิจารณาคดีเกี่ยวกับปฏิบัติการของกองทัพเมียนมาต่อชาวโรฮิงญาเมื่อปี 2560 รวมถึงกรณีที่เมื่อวันจันทร์ประเทศแกมเบียยื่นฟ้องต่อศาลโลกที่กรุงเฮก
แฟ้มภาพ