ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30 น.วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562

30 ตุลาคม 2562, 09:13น.


พายุโซนร้อน ‘แมตโม’ ทำให้หลายจังหวัดมีฝนตกหนัก



          หลายจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่จะตกมากขึ้น หลังจากเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม 2562 พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณทะเลจีนใต้ ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (โซนร้อน) “แมตโม” แล้ว “แมตโม” แปลว่า ฝนตกหนัก เมื่อเวลา 04.00 น. มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 300 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของเมืองวินห์ ประเทศเวียดนาม ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 74 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในวันนี้ และจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศกัมพูชาในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 29-31 ตุลาคม  2562



          กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนในช่วงวันที่ 30-31 ตุลาคม 2562 บริเวณที่มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี  ภาคกลาง: จังหวัดสระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง และพังงา



          ช่วงวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2562 บริเวณที่มีฝนตกหนัก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดอำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี  ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ภาคตะวันออก: จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ภาคใต้ : จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต  กระบี่ ตรัง และสตูล



กปภ.-ก.เกษตรฯ เตรียมมาตรการรับมือภัยแล้ง



         การเตรียมรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง คณะรัฐมนตรี 2562 ถึงต้นปี 2563 สำหรับพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ประกอบด้วย ภาคเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา เชียงราย นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย สกลนคร บุรีรัมย์ ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ พังงา ภูเก็ต นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)เตรียมมาตรการรับมือแล้ว เช่น ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พร้อมวางท่อเพื่อเข้าสู่ระบบผลิต เจาะบ่อบาดาล ฯลฯ 



          พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร แบ่งเป็นในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน ซึ่งจากการประเมินสภาพอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พบว่า มี 25 แห่ง คาดว่าปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ได้แก่ 1. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเพาะปลูก 5 แห่ง เช่น เขื่อนกระเสียว เขื่อนทับเสลา เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำนางรอง และเขื่อนจุฬาภรณ์ 2. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำเพียงพอเพื่อการเกษตรต่อเนื่อง ได้แก่ พืชไร่ พืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น จำนวน 9 แห่ง เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ เขื่อนป่าสักฯ เขื่อนแม่กวงฯ เขื่อนแม่มอก เขื่อนมูลบน เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนคลองสียัด 3. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำเพียงพอเพื่อการเกษตรนาข้าวรอบที่ 2 บางพื้นที่ 9 แห่ง เช่น เขื่อนแม่งัดฯ เขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนน้ำอูนน้ำพุง เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำแชะ เขื่อนบางพระ เขื่อนประแสร์ และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีปริมาณน้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุ กระทบต่อพื้นที่การเกษตร จำนวน 50 แห่ง อยู่ในภาคเหนือ 17 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28 แห่ง กลาง 1 แห่ง ตะวันออก 3 แห่ง ตะวันตก 1 แห่ง ใต้ 4 แห่ง



          พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรนอกเขตชลประทาน ฤดูแล้ง 2562/2563 โดยกรมทรัพยากรน้ำ พบ 20 จังหวัด 109 ตำบล ประกอบด้วย ภาคเหนือ 9 จังหวัด 84 ตำบล เช่น เชียงราย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด 16 ตำบล อาทิ ยโสธร ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด  นครราชสีมา ภาคกลาง 2 จังหวัด 7 ตำบล ได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี ภาคตะวันตก 1 จังหวัด 2 ตำบล ได้แก่ กาญจนบุรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับทราบข้อมูลปริมาณน้ำที่สามารถจัดสรรได้เพื่อนำไปใช้วางแผนการเพาะปลูกพืช ฤดูแล้งปี 2562/2563



ผู้เสียหายแชร์แม่มณี ร้องขอความช่วยเหลือที่กระทรวงยุติธรรม



          กลุ่มผู้เสียหายจากแชร์แม่มณี นัดรวมตัวกัน เพื่อยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขณะที่ในหลายจังหวัดผู้เสียหายต่างทยอยแจ้งความดำเนินคดี หลังจากที่ถูก น.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ ทิพย์ประเวช อายุ 28 ปี หรือ แม่มณี กับนายเมธี ชิณภา แฟนหนุ่ม อายุ 20 ปี หลอกให้ลงทุนเล่นแชร์ ล่อใจเหยื่อด้วยการให้ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 93 ทำให้ผู้เสียหายสูญเงินรวมไปกว่า 100 ล้านบาท ศาลอาญา อนุมัติหมายจับ ฐานความผิด 3 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน



          นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้คุยกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แล้ว โดยจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ในการรับเรื่อง และจะตรวจค้นทรัพย์สินผู้ที่เป็นท้าวแชร์เพื่อคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหาย พร้อมใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ายึดทรัพย์



ตามจับคนร้ายอีก 1 คน ชิงทรัพย์และใช้อาวุธทำร้ายนักท่องเที่ยวที่สมุย



         หลังจากเกิดเหตุคนร้ายชาย 2 คน ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวภายในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และใช้อาวุธทำร้ายร่างกาย นายไมเคิล อาโนลด์ ฮาน อายุ 47 ปี นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จนจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ 1 คน คือ นายพรศิลป์ อาจสุรินทร์ อายุ 36 ปี ชาวอุดรธานี อาชีพหาบเร่ริมชายหาดเฉวง จับได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ซอยป่าจาก หมู่ 6 ต.บ่อผุด นายพรศิลป์ ให้การว่าใช้ขวานทุบกระจกห้องน้ำมุดตัวเข้าไปเปิดประตูห้องพัก แต่ระหว่างนั้นผู้เสียหายตื่นขึ้นมา จึงเกิดต่อสู้กัน แต่หลบหนีออกมาได้ และแยกย้ายกันหลบหนีกับผู้ต้องหาอีก 1 คน  โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายพรศิลป์ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย



          ส่วนคนร้ายอีก 1 คนชื่อ นายสมชาย ด้วงลาย อายุ 38 ปี ชาวยโสธร อยู่ระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับกุม หลังศาลออกหมายจับแล้วและพบว่ามีประวัติก่อคดีข่มขืนนักท่องเที่ยว คดียาเสพติด คดีลักทรัพย์ และคดีอาวุธปืน มาแล้ว นายวรสิทธิ์ ผ่องคำพันธ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก คนร้ายเข้าไปทำร้ายนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บถึงในห้องพัก



ชุดคลี่คลายคดี สอบปากคำแฟนผู้ต้องหาฆ่ายัดตู้เย็น



       เหตุฆาตกรรมโหด น.ส.วรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี ชาว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยคนร้ายนำศพไปซ่อนอยู่ในตู้เย็นที่ยังเสียบปลั๊ก ใช้ปูนซีเมนต์โรยทับปิดศพไว้ เหตุเกิดภายในอาคารพาณิชย์ เลขที่ 90/3 หมู่ 3 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง ผกก.สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พร้อมทีมพนักงานสอบสวน เดินทางไปที่ศาลจังหวัดฮอดเพื่อนำหลักฐานทั้งรูปถ่าย พยานหลักฐานต่าง ๆ ไปเสนอศาลออกหมายจับ นายวิฑูรย์ หรือเอ็ม หรือตั้ม ศรีตะบุตร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 9 ต.ทุ่งฝาย อ.เมือง จ.ลำปาง อาชีพขับรถโดยสารสาธารณะสี่ล้อเหลืองสายเชียงใหม่-จอมทอง ในข้อหาชิงทรัพย์ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและรับของโจร หลังจากศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว เจ้าหน้าที่ได้มีการกระจายหมายจับไปให้ตำรวจและหน่วยงานอื่น ๆ ทั่วประเทศ



          เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่า นายวิฑูรย์ มีปัญหาเรื่องการเงินได้ก่อเหตุร้ายขึ้น โดยทำร้ายน.ส.วรรณี และขู่เข็ญเพื่อจะเอารหัสบัตรเอทีเอ็ม แต่อาจจะพลั้งมือฆ่าก่อนจะอำพรางศพ แล้วหลบหนีไป หลังก่อเหตุ นายวิฑูรย์ได้ขับรถของผู้เสียชีวิตพาแฟนสาว ออกจาก อ.จอมทอง ไปที่ จ.ลำปาง และไปเที่ยวที่ จ.เชียงราย ก่อนกลับมาที่ จ.เชียงใหม่ และนำรถยนต์ของผู้เสียชีวิตจอดไว้ในป่าละเมาะข้างถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต.หนองผึ่ง อ.สารภี โดยสภาพรถถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียนออกและล็อกประตูไว้ทุกด้าน ก่อนที่ทั้งสองคนจะนั่งเครื่องบินมากรุงเทพฯ และเช่ารถขับไปเที่ยวทะเล ที่ จ.ระยอง ด้วยกัน มีรายงานว่า ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้สอบปากคำแฟนสาวของผู้ต้องหาแล้วเพื่อหาเบาะแสการหลบหนี  



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X