กรณีที่สหรัฐอเมริกาเตรียมตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ของประเทศไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยอ้างว่าไทยไม่สามารถแก้ปัญหาแรงงานได้เป็นไปตามหลักสากล
นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่าสิทธิจีเอสพีคือการงดเว้นภาษีสินค้าบางรายการสำหรับประเทศที่มีรายได้ไม่มาก โดยเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกา ไม่สนับสนุนการก่อการร้าย และไม่มีปัญหาด้านแรงงาน การค้ามนุษย์ ซึ่งจะมีการทบทวนการให้สิทธิทุกปี ซึ่งสหรัฐฯ ได้ขอทบทวนการให้สิทธิพิเศษกับไทยมา 2 ปีแล้ว โดยยื่นเงื่อนไขว่าหากจะได้สิทธิพิเศษ ไทยควรจะต้องเปิดตลาดเครื่องในสุกรให้สหรัฐฯ แต่ไทยยังอยู่ในระหว่างการตั้งคณะทำงานพิจารณาเนื่องจากเครื่องในสุกรของสหรัฐฯมีสารเร่งเนื้อแดงที่อาจเป็นอันตรายได้จึงยังไม่ได้อนุญาต ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สหรัฐฯตัดสิทธิพิเศษกับไทย และอีกหนึ่งเงื่อนไขคือสหรัฐฯมองว่าการปรับปรุงสิทธิแรงงานโดยเฉพาะแรงงานประมงของไทยยังไม่ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยซึ่งเป็นด้านการเมือง เนื่องจากสหรัฐฯกำลังอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้กำไรการค้าจากสหรัฐฯ ส่วนเรื่องการที่ไทยแบน 3 สารเคมี ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นสาเหตุ อีกทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ โดยไทยยังมีเวลา 6 เดือน ในการชี้แจงประเด็นที่ถูกนำมาใช้ในการตัดสิทธิ ทั้งเป็นโอกาสดีที่ไทยจะใช้โอกาสในการประชุมอาเซียนพูดคุยกับสหรัฐฯในเรื่องนี้ด้วย ขณะเดียวกันทางรัฐบาลก็จะต้องหามาตรการและหาตลาดเพิ่มเติมมากขึ้น
ด้านนางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่าข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องที่น่าแปลกโดยเฉพาะการที่สหรัฐอเมริกาหยิบยกประเด็นด้านแรงงานขึ้นมา ทั้งที่ไทยได้ปรับปรุงในส่วนนี้แล้วในหลายด้าน ซึ่งมองว่าเป็นการใช้เรื่องนี้เพื่อเจรจาข้อตกลงบางอย่าง ซึ่งการให้สิทธิจีเอสพีอาจจะขึ้นอยู่กับระดับในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และอีกประเด็นคืออยากให้กระทรวงแรงงาน ผู้ประกอบการยึดถือกฎหมายของไทยเป็นหลักและปฏิบัติอย่างเข้มงวด ต้องดูตามความเหมาะสมของตัวเองอย่ากระโดดตามต่างชาติมากเกินไปในทุกเรื่อง ทั้งนี้ ไทยเป็นคู่ค้าสำคัญของสหรัฐอเมริกาการได้สิทธิประโยชน์จีเอสพีจะช่วยให้ไทยสามารถแข่งขันได้ในขณะที่เงินบาทแข็ง การตัดสิทธิทำในต้นทุนของผู้นำเข้าต้องสูงขึ้นในการเสียภาษีร้อยละ 3-12 ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าสูงเพิ่มขึ้นอีก จึงขอฝากภาครัฐว่าจะต้องทำให้เกิดการเจรจาให้เปิดการค้าเสรีให้มากขึ้น เปิดตลาดมากขึ้น เพื่อลดแรงกดดันในการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ขณะที่กลุ่มภาคเอกชนก็ไม่นิ่งนอนใจและจะมีการพูดคุยเรื่องนี้กันต่อ อย่างไรก็ตามมองว่ายังมีเวลาอีก 6 เดือน ในการปรับปรุงและฝากภาครัฐปรับปรุงประสิทธิภาพ เช่นแก้ไขความแออัดท่าเรือ ลงทุนระบบขนส่งทางราง เรื่องระเบียบข้อบังคับภายในประเทศ เพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ส่วนผลกระทบกับแรงงาน จะมีพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ยืนยันยันว่าจะพยายามทำให้มีผลกระทบให้น้อยที่สุด
....