นายกฯ ยืนยัน ประกาศใช้งบฯ ปี 63 จะมีที่มาของงบประมาณในทุกโครงการ เน้นเท่าเทียม

18 กันยายน 2562, 16:13น.


หลังเข้าร่วมฟังการอภิปรายของสภาผู้แทนราษฎร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรีที่จะไม่ชี้แจงประเด็นเรื่องของการถวายสัตย์ปฏิญาณตน และได้มอบหมายแนวทางให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจงแทน 



นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธจะทำตามข้อเสนอของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่ให้ปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ใหม่ แต่ยืนยันว่า ตนรับฟังทุกข้อเสนอในการอภิปรายของฝ่ายค้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลังฟังการอภิปรายแล้ว ก็ยังรู้สึกสบายใจ เพราะตนนั้นสบายใจในทุกวัน และในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วม



ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากตำแหน่งหัวหน้า คสช ไม่เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด พร้อมย้อนถามสื่อฯว่า เชื่อศาลและเคารพศาลหรือไม่



ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นการแถลงนโยบายรัฐบาลโดยไม่บอกแหล่งที่มาของรายได้ ว่า ในประเด็นแหล่งที่มาของรายได้นั้น เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค.62 รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทั้งนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน โดยได้มีการกำหนดถึงแหล่งที่มาของรายได้ในการดำเนินนโยบายไว้  โดยงบประมาณปี 63 ที่รัฐบาลตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณที่ใช้จ่ายประจำปี ทั้งงบรายจ่ายประจำ งบกลาง งบลงทุน ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้งบประมาณปี 63 จะมีที่มาการใช้เงินของแต่ละโครงการอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจาก การกำหนดที่มาของงบประมาณของรัฐบาลในอดีต ที่กำหนดไว้เพียงนโยบายเดียว คือ นโยบายจำนำข้าว 15,000 บาท และยืนยันว่า กรอบงบประมาณต้องดูแลคนทุกกลุ่มทั้งประเทศ และไม่ใช่จัดสรรงบประมาณเพื่อพื้นที่ใดเป็นการเฉพาะ



สำหรับการจัดเก็บภาษีรัฐบาลคำนึงถึงหลักความเสมอภาค สร้างความเป็นธรรม รักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ นำภาษีที่จัดเก็บได้ไปจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมถึงรายจ่ายที่เกี่ยวข้องการจัดทำสวัสดิการสังคม รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน และยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังจัดเก็บภาษีจากคนจน แต่จะเก็บภาษีอย่างเท่าเทียมยุติธรรม 



นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 62 สูงถึง 2.2 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และไม่ควรดูถูกประเทศของตัวเอง ซึ่งเพิ่มต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 รวมถึงเงินคงคลัง โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 62 เป็นจำนวน 5.12 แสนล้านบาท 



ส่วนการกู้เงินในสมัยที่ตนเป็นรัฐบาล โดยเฉลี่ยปีละ 4.08 แสนล้านบาท น้อยกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ที่กู้เงิน ปีละ 4.46 หมื่นล้านบาท ส่วนการตั้งงบแบบสมดุล ก็มีการประมาณการว่า จะเข้าสู่งบสมดุลได้อีก 5-10 ปีข้างหน้า ส่วนการก่อหนี้สาธารณะ ปัจจุบันเหลือ ร้อยละ 42.2 

ข่าวทั้งหมด

X