สทนช.วิเคราะห์เส้นทางน้ำ ปรับลดการระบายน้ำ เตรียมรับพายุลูกใหม่

ภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการน้ำเฉพาะกิจ นายสำเริง แสงภู่วงศ์ รองเลขาธิการ เปิดเผยว่า ผลจากพายุโพดุลทำให้มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นรวม 2,500 ล้าน ลบ.ม. และที่ต้องเฝ้าระวังน้ำมาก ได้แก่ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี  และหนองหาร จ.สกลนคร คาดการณ์ว่าจะมีน้ำไหลเข้าเพิ่มขึ้นในช่วง 1-3 วันข้างหน้าอีกประมาณ 2,000 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 744 ล้าน ลบ.ม. โดยน้ำที่ไหลเข้าอ่างจะใช้สำหรับสำรองเพื่อการอุปโภค-บริโภค และเป็นต้นทุนในฤดูแล้งหน้าต่อไป เพราะปริมาณน้ำใช้งานในแต่ละอ่างเก็บน้ำยังถือว่าน้อยกว่าปีที่แล้วอยู่มาก อีกทั้งยังมีแหล่งน้ำอีก 13 แห่งที่ยังมีน้ำไหลเข้าน้อยและอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนอุบลรัตน์ 

นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์พื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุลูกใหม่ที่ก่อตัวบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน จะส่งผลทางอ้อมทำให้ประเทศไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโพดุล และมีความเสี่ยงที่น้ำล้นตลิ่งช่วงวันที่ 3- 6 กันยายนนี้ ใน 16 จังหวัดบริเวณภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น  แม่น้ำน่าน  แม่น้ำป่าสัก จ.เพชรบูรณ์ แม่น้ำโขง ตั้งแต่ จ.นครพนม มุกดาหาร ที่อ.โขงเจียม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และต้องเฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณอ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เนื่องจาก ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง นอกจากนี้มีการวิเคราะห์เส้นทางน้ำและยังได้ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบแหล่งน้ำในพื้นที่เสี่ยงทั้งที่ประสบปัญหาจากพายุโพดุลและที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากพายุลูกใหม่ขอให้ปรับลดการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำทุกแห่ง

ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี