จากที่มีรายงานเกี่ยวกับความเจ็บป่วย และความเครียดของเด็ก ๆ ทั้งในเรื่องการสอบและจากสภาพแวดล้อม ซึ่งนักจิตวิทยาแนะนำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองให้ความเข้าใจ และไม่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันเด็ก แน่นอนว่า โรงเรียนและสถานศึกษาก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน กรุงเทพมหานครมีโรงเรียนในสังกัดมากกว่า 400 แห่ง เปิดสอนตั้งแต่อนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ทั้งการศึกษาและการชีวิต
นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกว่า ได้กำชับผู้อำนวยการทุกโรงเรียนห้ามนำผลการสอบโอเน็ตหรือผลการสอบต่าง ๆมาเป็นตัวตั้ง เพราะจะยิ่งทำให้เด็กเครียด โดยโรงเรียนในสังกัดของกรุงเทพมหานครจะยึดนักเรียนเป็นหลัก ต้องดึงความสามารถที่เด็กมีออกมาให้ได้ แล้วให้เด็กมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน ซึ่งไม่ใช่การท่องจำ จะทำให้เด็กสนุกมีความสุขในการเรียน แล้วผลการเรียนจะดีขึ้นมาตามลำดับ
ซึ่งเมื่อมาดูคะแนนสอบ พบว่านักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทำคะแนนสอบโอเน็ตสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ ในปีการศึกษา 2561 มีอยู่ 194 คนที่สอบได้คะแนนเต็ม 100 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มี 142 คน
อีกเรื่องหนึ่งที่กำลังอยู่ในความสนใจ คือเรื่องของโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกว่า โรงเรียนในสังกัดของกทม. จะแบ่งเป็นอาหารเช้า 10 บาท กลางวัน 20 บาท ต่อคน ซึ่งมีการควบคุมอย่างเข้มงวดทั้งในเรื่องของคุณภาพ ปริมาณและสารอาหาร โดยในทุกๆ วัน โรงเรียนแต่ละแห่งจะต้องส่งรายงานเมนูอาหารมาให้รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับทราบว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนี้จะมีการลงพื้นที่เพื่อสุ่มตรวจสัปดาห์ละ 2 โรงเรียน โดยไม่ได้แจ้งให้ทางโรงเรียนรับทราบล่วงหน้า ซึ่งทำให้ได้เห็นของจริง
และจากการพูดคุยกับผู้ปกครองและนักเรียนที่โรงเรียนวัดสุทัศน์ ต่างบอกว่าพอใจกับการจัดการเรียนการสอน และการดูแลบุตรหลานเป็นอย่างมาก น.ส.รีณา ชมภูแสง บอกว่า ที่เลือกให้ลูกเรียนโรงเรียนนี้ก็เพราะว่าอยู่ใกล้บ้าน ทั้งมีความสะดวกในการรับส่ง คุณครูมีความเอาใจใส่ น้องนักเรียนเองก็บอกว่า ชอบมาโรงเรียนแล้วก็เล่าเรื่องสนุก ๆที่โรงเรียนให้ฟัง แต่ที่ชอบมากที่สุดก็คือการที่โรงเรียนมีอาหารเช้าให้กับเด็กด้วย เช่น ข้าวไข่เจียว และเมนูอาหารในแต่ละวันก็จะไม่ซ้ำกัน
...
ผสข.เบญจภรณ์ ผิวเหลือง