ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.00 น. 12 สิงหาคม 2562

12 สิงหาคม 2562, 19:43น.



นายหยาง กวง โฆษกสำนักกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของรัฐบาลจีน แสดงความเห็นว่า เหตุปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงเมื่อวานนี้เข้าข่ายลักษณะว่ากลุ่มผู้ประท้วงเป็นกลุ่มก่อการร้าย มีการปาระเบิดเพลิงใส่ตำรวจ สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรง ละเมิดหลักนิติธรรมและความสงบสุขในฮ่องกง เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อเนื่อง ทำให้ชีวิตและความปลอดภัยของชาวอ่องกงอยู่ในอันตราย สำนักข่าวCNN ตั้งข้อสังเกต ว่าการใช้คำว่าก่อการร้าย เป็นการส่งสัญญาณเตือนผู้ประท้วงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลจีน และรัฐบาลฮ่องกง ไม่ได้ส่งกำลังทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ตามรัฐธรรมนูญของฮ่องกง เปิดโอกาสให้รัฐบาลฮ่องกงขอความช่วยเหลือจากกองทัพจีนได้ เพื่อช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย  สถานการณ์ล่าสุด การคมนาคมขนส่งบริเวณโดยรอบสนามบินค่อนข้างโกลาหล  เนื่องจาก ผู้โดยสารที่ติดค้างทยอยออกจากสนามบิน หลังจากที่ท่าอากาศยานยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้า- ขาออก ขณะที่ กลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่ ก็ทยอยออกมาจากสนามบิน เนื่องจากกังวลว่าจะมีการสลายการชุมนุม



ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นายรูเพิร์ต ฮอกก์ ซีอีโอบริษัทคาเธ่ย์ แปซิฟิค สายการบินรายใหญ่ของฮ่องกง ได้ส่งจดหมายเวียนถึงพนักงานทุกคน เพื่อเตือนว่า คนที่ให้การสนับสนุนหรือเข้าร่วมการประท้วงที่ผิดกฎหมายในฮ่องกงจะถูกไล่ออก เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานทุกคนจะต้องตระหนักว่าการกระทำและคำพูดต่างๆของพนักงานแม้ว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมหลังเลิกงานแต่ก็กระทบต่อธุรกิจของบริษัท ที่สำคัญคือการเข้าร่วมการประท้วงของพนักงานบางคนอาจจะถูกมองว่า เป็นการแสดงจุดยืนของบริษัทซึ่งไม่เป็นความจริง คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักบริหารการบินพลเรือนของประเทศจีน ได้ใช้มาตรการต่างๆเพื่อป้องกันพนักงานของบริษัทคาเธ่ย์ แปซิฟิค ที่เข้าร่วมการประท้วงไม่ให้เดินทางโดยเครื่องบินเข้าไปที่ประเทศจีนหรือบินผ่านน่านฟ้าของประเทศจีน พร้อมทั้งขอให้บริษัทคาเธ่ย์ แปซิฟิค ส่งรายชื่อพนักงานที่เคยเข้าร่วมการประท้วงไปให้สำนักงานบริการการบินพลเรือนของประเทศจีน พิจารณาอนุมัติก่อนการบินไปที่ประเทศจีนด้วย ที่ผ่านมา บริษัทคาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกันช่วงบ่ายวันนี้ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดที่จะบินออกจากฮ่องกง หลังจากมีการประท้วงที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 4



สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ขอให้คนไทยประสานสายการบิน หลังสนามบินยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออก สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ได้รับรายงานจากการท่าอากาศยานฮ่องกงว่าจากสถานการณ์การชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงในวันนี้ ทำให้การท่าฮ่องกง ประกาศสถานการณ์พิเศษยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกฮ่องกงทุกเที่ยวบิน ขอแนะนำให้ผู้โดยสารทุกคนที่ยังอยู่ในท่าอากาศยาน พิจารณาออกจากบริเวณที่ประท้วงและประสานสายการบินของตนต่อไป คนไทยทุกคนที่เที่ยวบินถูกยกเลิก โปรดประสานสายการบินของตนในเบื้องต้น เพื่อยืนยันสถานะการบิน รวมทั้งรับคำแนะนำและบริการ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติจากสายการบิน น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ประกาศแจ้งเตือนให้คนไทยหลีกเลี่ยงบริเวณอาคารผู้โดยสาร 1 ที่มีการประท้วง และประสานงานกับสายการบินไทยทันที เพื่อช่วยดูแลแนะนำและให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกค้างอยู่ข้างในสนามบิน โดยขอให้ผู้โดยสารคนไทยรวมตัวที่อาคารผู้โดยสาร 2 ซึ่งไม่มีการประท้วง และขอให้ผู้โดยสารคนไทยของสายการบินไทยและผู้ที่ประสงค์ขอรับความช่วยเหลือให้รวมตัวที่เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินไทยก่อน  ทั้งนี้ ขอให้คนไทยที่ติดค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ประสานสถานกงสุลใหญ่ไทยฯ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน (+852) 6821 1545 หรือ (+852) 6821 1546  สายการบินไทย แอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย ยกเลิกเที่ยวบินไปฮ่องกง



หลังจากลูกเรือไทยทั้ง 18 คนที่ถูกลอยแพกลางทะเลโซมาเลียเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงเช้าวันนี้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดีที่ลูกเรือไทยทั้ง 18 คน เดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ และขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กองทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ประสานงานและให้ความช่วยเหลือจนลูกเรือทั้ง 18 คนปลอดภัยและเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมทั้งช่วยเหลือให้เดินทางกลับภูมิลำเนา และติดตามสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับต่อไปด้วย นายกรัฐมนตรี กำชับแรงงานไทยหรือผู้ที่ประสงค์ที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ศึกษาเงื่อนไขและกฏระเบียบต่างๆให้รอบคอบและหากประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ติดต่อสอบถามหน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อที่รัฐบาลจะได้ตรวจสอบ ดูแล คุ้มครอง ได้อย่างทั่วถึง



นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บมจ.ปตท. กล่าวถึง แผนงานของ ปตท.เดินหน้าในการพัฒนานวัตกรรมและร่วมกันแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนตามเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ร้อยละ 15 ภายในปี 2563 และร้อยละ 25 ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่ง 1 ในแผนงานหลัก คือ การลงทุนด้านพลังงานทดแทน 8,000 เมกะวัตต์ ทั้งในและต่างประเทศ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (จีพีเอสซี) ในฐานะแกนนำธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มปตท.จะเป็นแกนนำในการดำเนินการเพื่อลงทุน ครอบคลุมพลังงานทดแทนทุกด้าน รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วย ยืนยันว่าการดำเนินการตาม COP21 เป็นเรื่องสำคัญ และในฐานะ ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจพลังงาน ต้องร่วมมือลดภาวะโลกร้อน การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ก็จะเป็นส่วนหนึ่งทำให้เราก้าวถึงเป้าหมายได้รวดเร็ว ประเทศไทยได้ให้ถ้อยแถลงเจตจำนงในการประชุม Conference of the Parties: COP 21 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ในการลดก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วนร้อยละ 20-25 ภายในปี 2573  ปตท.มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 



น.ส.วันเพ็ญ นิโครวนจำรัส รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา เร่งค้นหาเพิ่มจำนวนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยการส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ขอความร่วมมือแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อร่วมกันค้นหาสินค้ารายการใหม่ๆ ให้มากขึ้น ให้ขึ้นทะเบียน GI เพิ่มอีกจังหวัดละ 1 รายการ จะมีสินค้า GI เพิ่มขึ้นอีก 77 รายการ มูลค่าตลาดสินค้า GI ของไทยในปัจจุบัน มีประมาณ 4,000 ล้านบาท รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะผลักดันให้มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาทต่อปี ความคืบหน้าการขึ้นทะเบียนสินค้า GI มีการขึ้นทะเบียนแล้ว 111 รายการ จาก 71 จังหวัด ยังเหลืออีกแค่ 6 จังหวัด ก็จะมีสินค้า GI ครบทุกจังหวัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศโฆษณา 6 สินค้า เป็นของไทย 5 สินค้า คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบางคล้า ฉะเชิงเทรา ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง ศรีสะเกษ ปลาช่อนแม่ลา สิงห์บุรี ทุเรียนในวงระนอง แปจ่อเขียวแม่สอด น่าจะขึ้นทะเบียนได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และเมื่อ 5 สินค้าใหม่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จะทำให้มีสินค้า GI เพิ่มเป็น 116 รายการ ใน 75 จังหวัด เหลือเพียง 2 จังหวัด ที่ยังไม่มีสินค้า GI คือปทุมธานี ที่กำลังยื่นจดกล้วยหอมทองปทุม กับอ่างทอง ที่ยื่นจดกลองเอกราช โดยไม่น่าจะขึ้นทะเบียนทันในปีนี้ คาดว่าน่าจะขึ้นทะเบียนได้ในช่วงต้นปี 2563 เลยเป้าหมายการผลักดันโครงการ 1 จังหวัด 1 สินค้า GI ไปนิดเดียว



นอกจากนี้ ได้เดินหน้าขึ้นทะเบียน GI ในตลาดต่างประเทศ จะเน้นในตลาดเป้าหมายที่นิยมสินค้า GI ของไทย และเมื่อเร็วๆนี้ได้ยื่นจดทะเบียนในจีนเพิ่มอีก 2 สินค้า คือ มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี และทุเรียนปราจีนบุรี และในมาเลเซีย 3 สินค้า คือ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เพื่อให้ความคุ้มครองสินค้าของไทย เพราะเป็นสินค้าที่ชาวจีนและชาวมาเลเซียนิยมมาก  ปัจจุบันสินค้า GI ไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแล้ว มี 6 รายการ คือ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง และข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ในสหภาพยุโรป เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ในเวียดนาม และผ้าไหมยกดอกลำพูน ในอินโดนีเซียและอินเดีย และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอในต่างประเทศ 8 รายการ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง มะขามหวานเพชรบูรณ์ ในจีน กาแฟดอยตุง ในกัมพูชาและญี่ปุ่น มะขามหวานเพชรบูรณ์ ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ในเวียดนาม กาแฟดอยช้าง สับปะรดห้วยมุ่น ในญี่ปุ่น



แฟ้มภาพ




 

ข่าวทั้งหมด

X